“บัตรเครดิต” บัตรในฝันที่ทุกท่านอยากมีและจำเป็นต้องมี เป็นบัตรที่สามารถเนรมิตความฝันคุณภายด้วยเพียงรูดเดียว และเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนตอนสินเดือน หลายท่านอาจมี หนึ่งใบ สองใบ หรือมากกว่านั้นสุดแต่ความประสงค์ในการใช้งานของแต่ละท่าน บางท่านใช้ชำนาญจนบรรลุเป็น “เซียนบัตรเครดิต” หรือบางท่านกำลังเข้าสู่วงการนี้ วันนี้ผมจะบอกเล่าเรื่องราวที่พนักงานรับสมัครบัตรเครดิตไม่เคยบอกและบางท่านไม่ค่อยกล้าจะถามพนักงาน ? แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ และควรจะรู้ ดังนั้นถามเถอะครับ ผมเชื่อว่าพนักงานต้องเต็มใจบอกแน่นอนหลายท่านอาจจะรู้แล้วยังไม่รู้ และกำลังอยากจะรู้ ดังนั้นแล้วเรื่องอะไรบ้างที่จำเป็นต้องรู้ วันนี้เรามารู้กันครับ ประเภทของบัตร ซึ่งอย่างแรกเลยครับที่ถาม “ บัตรนี้เป็นบัตรแบบไหน ? ” บัตรที่มีอยู่ในปัจจุบันผมขออนุญาตแบ่งง่าย ๆ เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 3 ลักษณ์การใช้งานนะครับ 1 บัตรกดเงินสด 2 บัตรเครดิต และ 3 บัตร 2in1 เป็นการรวมการใช้ของ 2 รูปแบบไว้ด้วยกัน ซึ่งแต่ละบัตรลักษณะการใช้ก็ต่างกันออกไป อาจจะมีทับซ้อนกันบ้างตามลักษณะการใช้งาน เช่น บัตรกดเงินสด สามารถกดเงินสดได้ (โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม) และผ่อนสินค้าได้ บัตรเครดิต สมารถใช้รูดสินค้าได้ กดเงินสดได้* (อาจจะมีค่าธรรมในการกด ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะอยู่ที่ 3 % )* ตัววงกดเงินจะแยกจากวงเงินเครดิต ท่านสามารถดูในใบแจ้งยอดเงินได้เลย หรือ ถ้าดูไม่เป็นโทรถามศูนย์บัตรนั้น ๆ ได้เลย ซึ่งตัววงเงินกดเงินของบางท่านศูนย์บัตรอาจจะไม่อนุมัติก็ได้ประเภทที่ 3 เป็นการฟิวชั่นในแบบที่ 1 และ 2 มีความสมารถทั้ง สองแบบ บัตรกดเงินสด ผ่อนสินค้าและ รูดสินค้าได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ตัววงเงินที่ได้ จะแบ่งอย่างละ 50/50 ซึ่งตัวดอกเบี้ยแยกต่างกันออกไปดังนั้น อย่าลืมถามกันนะครับ ว่าบัตรที่เราสมัครเป็นบัตรแบบไหน ? จะได้เอาไปใช้อย่างถูกวัตถุประสงค์ ดอกเบี้ย “บัตรนี้ดอกเบี้ยเท่าไร ?” “คำนวณดอกเบี้ยแบบง่ายๆให้ดูหน่อย” อันนี้สำหรับมือใหม่หัดเข้าวงการต้องถามเป็นอย่างยิ่ง ถามไปเลยครับไม่ต้องกลัวพนักงานกระโดดตบ ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ครับ เช่น บัตรกดเงินสด คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน คิดตั้งแต่วันแรกที่ท่านกดเงินออกจากตู้ครับ แต่ตอนจ่ายศูนย์บัตรจะเก็บเป็นรายเดือน ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงรอบชำระก็ได้จ่ายก่อนได้เลย แต่เราต้องโทรไปแจ้งศูนย์บัตรก่อนนะครับว่า เราจะชำระ “สินเชื่อที่เป็นเงินสด” ทางศูนย์จะคิดดอกเบี้ยถึงวันที่ เราไปชำระตามแจ้ง ส่วนบัตรเครดิต ถ้าจ่ายตามรอบชำระจะ “ไม่เก็บดอกเบี้ย” หรือที่เรียกว่า “ระยะปลอดหนี้” แต่สิ่งที่จำเป็นต้องรู้จริง ๆ คือถ้าเลยรอบชำระหรือเราเลือกชำระขั้นต่ำ “ศูนย์บัตรคิดดอกเบี้ยอย่างไร ?” อย่าลืมถามนะครับแต่ถ้าไม่อยากปวดหัวคิดดอกเบี้ย จ่ายเต็มจำสวนเลยครับ ปล่อยดอกเบี้ยแน่นอน*** ดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันศูนย์บัตรจะกำหนดตามนโยบายธนาครแห่งประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ด้วยเหตุการณ์โควิค 19 มีการลดดอกเบี้ยจากเพดาน 28% เหลือ 22% และ 18% เหลือ 12% ต่อปี ตามนโยบายธนาครแห่งประเทศไทย “โปรโมชั่นหลักของหน้าบัตรมีอะไรบ้าง” อันนี้หลากหลายมาก บัตรแต่ละประเภทตามลักษณ์การใช้งาน ดอกเบี้ยเหมือนกันอยู่แล้ว แต่โปรโมชั่นหน้าบัตรต่างจะกัน เราสามารถเลือกหน้าบัตรที่ตรงกับ ไลฟ์สไตล์ของเราได้ โปรโมชั่นพวกนี้จะให้สิทธิ์พิเศษ ส่วนสด Gift Voucher เครดิตเงินคืน หรือ สะสมไมล์สายการบินต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้น เราเลือกให้เข้ากับรูปแบบชีวิตประจำวันของเรานะครับ อันนี้เราดูจากโบรชัวร์ก็ได้ แต่มีเงื่อนไข เช่น กำหนดเวลา สถานที่ สินค้าและบริการ ส่วนนี้ผมแนะนำให้เข้าไปดูในเว็บไซต์ของศูนย์บัตรโดยตรงจะง่ายกว่าครับ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ “มีค่าธรรมเนียมรายปีไหม?” ผมบอกเลยนะครับว่า บัตรทุกบัตรจะมีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ศูนย์บัตรจะไม่เรียกเก็บ ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งาน ใช้บัตรให้ตรงกับเงื่อนไขที่ศูนย์บัตรกำหนด ดังนั้น เราต้องถาม ด้วย “เงื่อนไขในการยกเว้นค่าธรรมรายปีคืออะไร” และคำถามปีกย่อยอีกมากมายครับเช่น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด ค่าธรรมบัตรเสริม ค่าธรรมในการออกบัตรใหม่ในกรณีหายหรือชำรุด ค่าขอใบแจ้งยอดบัญชี ค่าออกรหัสเอทีเอ็มใหม่แทนของเดิม ค่าธรรมเนียมในการขอสำเนาใบบันทึกการขาย/ขอตรวจสอบรายการ ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ เยอะใช้ไหมละครับ อันนี้ผมคิดว่าเลือกถามจะดีกว่านะครับ หรืออ่านเงื่อนไขในใบสมัครก็เขียนไว้อย่างชัดเจนครับ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอ่านกัน ผมเองก็คนหนึ่งครับ บอกให้เซ็นตรงไหนก็เซ็น ดังนั้นแล้ว ก่อนที่จะเซ็นอะไรก็แล้วแต่ อ่านให้เข้าใจก่อนครับ ยอมเสียเวลาสักนิด อาจจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ บัตรเครดิตมีประโยชน์มาก ถ้าใช้ด้วยความมีสติ รู้ใช้ ฉลาดใช้ จะไม่ต้องเป็นทาสของมันแน่นอน สวัสดีครับ ภาพปกจาก : lovepikภาพปกจาก : thaipng