สถานที่ทรงคุณค่าถิ่นเมืองหนาว วัดอนาลโยทิพยาราม ( ดอยบุษราคัม ) “กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม” (รูปภาพโดยผู้เขียน) ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เราได้เดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งที่ผู้คนในจังหวัดพะเยาเองก็อาจหลงลืมสถานที่เก่าแก่ สวยงามแห่งนี้ “วัดอนาลโยทิพยารามหรือวัดอนาลโย” “วัดอนาลโย” ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัมห่างจากตัวจังหวัด 20 กิโลเมตร บ้านสันป่าม่วง หมู่ที่ 6 ต.สันป่าม่วง จังหวัดพะเยา ระหว่างทางไปวัดอนาลโย จะพบเจอกับทุ่งนาเขียวขจี ดอยเขาที่ล้อมตลอดทาง และธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงได้รับอากาศที่สดชื่นด้วย เนื่องจากเส้นทางไปวัดเป็นเส้นทางเดียวจึงไม่ค่อยมีรถ หรือผู้คนมากนัก ทางเข้าวัดมี 2 ทาง คือทางที่ให้นำรถจอดไว้แล้วเดินขึ้นบันไดของทางวัด กับการนำรถขับขึ้นไปข้างบน แต่การนำรถขึ้นไปตามทางจะทำให้เราพลาดบรรยากาศที่สวยงาม โบราณสถานที่ที่เก่าแก่ของทางวัดในทางเดิน ในวันที่เราไปเราจึงเลือกจอดรถไว้ทางก่อนขึ้นวัด เพื่อที่จะได้เดินสำรวจและชมศิลปะอันงดงามของทางวัดทั้งหมด (รูปภาพโดยผู้เขียน) นี่คือทางที่เราเลือกจะเดินเข้าไปในวัดเพื่อเก็บทุกความประทับใจภายในวัดไว้ แค่หน้าตาภายนอกของวัดก็รู้สึกถึงความงามที่เราจะได้ไปเจอภายในวัดแล้ว ก่อนที่เราจะไปดูภายในวัด เราจะขอเกริ่นถึงประวัติของวัดก่อน เพราะจากที่เราศึกษาข้อมูลของวัดและประวัติวัดมา เรารู้สึกประทับใจจึงอยากให้ทุกคนได้รู้สึกเหมือนเรา คือ เริ่มจาก พระอาจารย์ ไพบูลย์ สุมังคโล ตอนนั้นท่านอยู่ที่วัดรัตนวนาราม ท่านได้เห็นทรายทองไหลลงมาสู่วัดเป็นสาย รังสีแสงของทรายทองที่ไหลพั่งพรูราวกับสายน้ำนั้นอาบวัดทั้งวัด จนแทบจะกลายเป็นวัดทองคำ ท่านมองตามลำแสงสีทองไปก็เห็นเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยานั่นเอง จากนั้นได้มีโยมมาอาราธนาให้ไปดูสถานที่สำคัญและแปลกประหลาด เพื่อจะได้สร้างสำนักสงฆ์ไว้เป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน เป็นที่ ๆ ชาวบ้านมักจะเห็นแสงสว่างเป็นดวงกลมลอยไปมาอยู่บนดอยสูง แสงนั้นดูสว่างเรืองรอง บางทีก็สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยราวกับกลายเป็นดอยทองคำ เหตุการณ์เหล่านี้มักจะปรากฏในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันพระ 8 หรือ 15 ค่ำ เป็นต้น หลังจากที่พิจารณาดูสถานที่แล้ว เห็นว่าเป็นสถานที่สงบเหมาะสมแก่การเจริญภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะสร้างเป็นสถานที่พักปฏิบัติธรรม ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวัดอนาลโยทิพยาราม นี่คือประวัติคร่าวๆของวัดอนาลโย ส่วนที่มาของชื่อวัด อนาลโยทิพยาราม ก็มาจากเมื่อปี พ.ศ.2525ท่านพระอาจารย์ได้ตัดสินใจมาอยู่ที่นี่และเริ่มสร้างวัด ท่านได้ นิมิตว่ามีคนรูปร่าง ดำ สูงใหญ่มาบอกว่า “หากท่านอาจารย์จะมาอยู่ที่นี่ ก็มาอยู่ได้ แต่ขอให้ตั้งชื่อวัด เป็นวัดหลวงปู่ขาว” ซึ่งท่าน พระอาจารย์ก็ไม่ขัดข้องประการใด ดังนั้นจึงได้เป็นชื่อ วัดอนาลโยขึ้นมาเพราะท่านมีนามว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย ผู้เป็นประธานสงฆ์ อยู่ ณ วัดกลองเพล จ.อุดรธานี และยังมีพระพุทธลีลาหรือพระยืนที่ท่านตั้งใจจะสร้างขึ้น ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่สูงใหญ่ที่สุด สร้างไว้บนยอดเขาตรีเพชร มีความสูง 25 เมตร กว้าง 6 เมตร น้ำหนักรวม 254 ตัน พระองค์นี้ในตอนแรกได้สร้างเป็นชิ้นๆก่อน แล้วค่อยนำมาประกอบขึ้น ซึ่งต้องใช้ความอดทนมากทีเดียวกว่าจะได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เราได้เห็นกันอยู่นี้ นอกจากนี้วัดอนาลโยทิพยารามยังเป็นวัดประจำปีเกิดของผู้เกิดปีปีมะเส็ง มีสัญลักษณ์เป็นรูป "งูเล็ก" สำหรับพระธาตุประจำปีเกิดนั้นอยู่ไกลนัก นั่นคือ พระมหาเจดีย์พระพุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นปูชนียสถานที่สำคัญมาแต่โบราณเนื่องจากสถานที่ประดิษฐานจะอยู่ไกล คนโบราณจึงใช้เจดีย์เจ็ดยอดเมืองเชียงใหม่แทนและมาภายหลังมีการจำลองพระมหาเจดีย์ฯ มาสร้างขึ้นที่วัดอนาลโย(พะเยา) ซึ่งทำให้คนมีศรัทธาจะไปนมัสการได้ง่ายขึ้น มาต่อกับการเดินเข้าไปในวัดกันดีกว่า ทางที่เราขึ้นในตอนแรกจะเป็นบันไดขึ้นวัดเพื่อไปในตัววัดอีกที คือบันไดเป็นของวัดแต่ยังไม่ถึงตัววัด บันไดทางขึ้นไม่ได้ชันมากนัก ไม่สูงมากด้วย ตลอดทางจะมีสิ่งก่อสร้างโบราณให้เราได้ชมตลอดทาง จึงทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าในการเดินขึ้นเลย แต่ทางขึ้นจะมีตะไคร้เกาะอยู่ตลอดทางและเต็มไปด้วยต้นไม้ จึงต้องระวังในการเดินเพราะอาจลื่นล้มได้ ที่วัดปล่อยให้ต้นไม้ หญ้าขึ้นขนาดนี้อาจเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนมาเที่ยววัดกันมากนัก เนื่องจากวัดอยู่ไกลและไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงทำให้วัดจะชุกชุมไปด้วยผู้คนแค่ช่วงเทศกาล หรือมีงานใหญ่ๆของวัดเท่านั้น (รูปภาพโดยผู้เขียน) เมื่อเดินขึ้นบันไดประมาณ 200 เมตร ก็จะขึ้นมาเจอกับทางเข้าวัดอีกครั้ง ในวันที่พวกเราไปเราไม่พบกับนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่คนเดียว คิดว่าน่าจะมีแค่พวกเราที่ไปเที่ยวชมวัด แต่นั่นก็ยิ่งทำให้วัดดูสงบมากยิ่งขึ้น วัดอนาลโยไม่เหมือนวัดไทยทั่วไปที่เราพบเห็น คือสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัดค่อนข้างแปลกตา บางสิ่งก่อสร้างเหมือนมีการสร้างขึ้นมาใหม่ได้ไม่นาน แต่บางสิ่งก็เหมือนเป็นของเก่าที่เคยเป็นมาตั้งแต่ในอดีต ภายในวัดค่อนข้างขลัง คือต้องใช้คำว่าขลังจริงๆ เนื่องจากภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างแปลกๆที่เราไม่ค่อยได้พบเห็นตามวัดต่างๆมากนัก (รูปภาพโดยผู้เขียน) อย่างในรูปคือที่นี่มีรูปปั้นเด็กในลักษณะต่างๆอยู่ตรงน้ำพุ และรายล้อมไปด้วยน้ำแดง ของเล่น และพวงมาลัย สิ่งเราขอสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกุมาร แต่ดูค่อนข้างเก่าจึงคิดว่าน่าจะมีมานานแล้วตั้งแต่ในอดีต และที่น่าสนใจอีกอย่างคือท่าแต่ละท่าของรูปปั้นเด็กอยู่ในอิริยาบถต่างๆคล้ายการละเล่นของเด็กไทยในสมัยก่อน (รูปภาพโดยผู้เขียน) วัดค่อนข้างเงียบสงบอย่างมาก จากการเดินทางและเดินขึ้นมาบนรถนั้นค่อนข้างสูงชัน เท่ากับว่าวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูง เมื่อเรามองผ่านตัววัดลงไปผ่านยอดเขาจะทำให้เราเห็นวิวของจังหวัดพะเยา อาจจะไม่ได้เห็นทั้งนั้นเนื่องจากวัดไม่ได้อยู่สูงนัก แต่ก็ทำให้เราสามารถเก็บรูปและบรรยากาศของจังหวัดพะเยาได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญและน่าท่องเที่ยวอยู่อีกหลายแห่งภายในวัดด้วย ไม่ว่าจะเป็นสวนลุมพินีวัน(จำลอง) สถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สระโบกขรณี(จำลอง) สถานที่ถวายการสรงน้ำ เมื่อแรกประสูตร เจดีย์พุทธคยา(จำลอง) ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ ต้นพระศรีมหาโพธิที่ตรัสรู้ด้านหลังองค์เจดีย์ พระสถูปเจดีย์(จำลอง) สถานที่ปฐมเทศนา หรือจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม ที่นี่ได้รวมเอาประติมากรรมต่างๆเข้ามาไว้รวมกัน ซึ่งเหมาะแก่การทำสมาธิ หรือพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง และยังมีพระตำหนัก "ภูตะวัน" แต่ที่นี่ห้ามบุคคลภายนอกผ่านขึ้นไป เพราะที่ตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เพื่อเป็นที่ประทับในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดพะเยา มาชมความงามของวัดกันต่อ (รูปภาพโดยผู้เขียน) สถานที่หรือสิ่งก่อสร้างในรูป เป็นโบราณสถานที่เหมาะแก่การรักษาและเก็บไว้ศึกษาในอนาคตอย่างมาก เนื่องจากค่อนข้างแปลกตาไปจากวัดอื่นๆ (รูปภาพโดยผู้เขียน) ในรูปนี้มองผิวเผินคล้ายวัดจีนมาก นั่นเป็นเพราะทางวัดได้จำลองนำเจ้าแม่กวนอิมมาตั้งไว้ที่วัดในบริเวณนี้เพื่อเป็นการนำมากราบไหว้บูชาตามความเชื่อ (รูปภาพโดยผู้เขียน) วัดอนาลโยคงเป็นวัดแรกที่เราได้ไปเที่ยวแล้วรู้สึกประทับใจมากขนาดนี้ เราชอบที่วัดดูสงบ มีอะไรให้มองและชื่นชมอยู่เต็มไปหมด วัดนี้เหมือนวัดที่มีไว้ภาวนาจิต บำบัดจิตใจ เพราะวัดสงบมาก หากได้มานั่งทำสมาธิที่วัดคงจะสงบในใจมากๆ วัดมีความหลากหลายจนน่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้มาเยี่ยมชมวัด คิดงั้นแล้วก็อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ รักษาความโบราณเก่าแก่ เอกลักษณ์ของเมืองเหนือของความเป็นคนไทยเหล่านี้ไว้ การสืบสานเรื่องราวในอดีตให้แก่คนรุ่นหลังถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะสมัยนี้มักมีสิ่งก่อสร้าง และเริ่มนิยมชมชอบกับแบบของทางตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อคนในปัจจุบันอย่างมาก กลัวว่าวันหนึ่งคนไทยจะลืมคุณค่าความงามของสิ่งและสถานที่เหล่านี้ และเลือกที่จะรับความหวือหวาภายนอกประเทศมาเป็นค่านิยมหลัก แล้วจะมีใครกันที่มาคอยดูแลสิ่งก่อสร้างของวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ได้ หากคนรุ่นหลังละเลยสิ่งที่มีอยู่กันหมด จากการเดินทางมาวัดอนาลโยในครั้งนี้มันทำให้เราประทับใจวัดแห่งนี้มาก เนื่องจากเราอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ในจังหวัดเชียงใหม่มีวัดที่สวยงามมากมายแต่ก็ไม่ได้เห็นวัดโบราณในพื้นที่และบรรยากาศแบบนี้ เราค่อนข้างสงสัยอย่างมากว่าทำไมผู้คนและนักท่องเที่ยวถึงไม่ค่อยให้ความสนใจวัดแห่งนี้และจังหวัดพะเยา สำหรับเราจากการได้มาชมวัดอนาลโย ทำให้เราอยากจะตามรอยท่องเที่ยววัดป่าแบบนี้ให้ทั่วจังหวัดพะเยา เราคิดว่าจังหวัดพะเยาต้องมีวัดโบราณที่สวยงามแบบนี้ซ่อนอยู่อีกหลายที่ จากการเดินทางไปวัดอนาลโยจึงทำให้เราตัดสินใจมาเขียนสารคดีเรื่องนี้เพื่ออยากจะแชร์วัดโบราณหรือสถานที่ที่สวยงามให้คนที่สนใจ หรือชื่นชอบการเดินตามรอยพื้นที่สวยงามแบบนี้เหมือนเราได้เริ่มการเดินทางเที่ยวชมความงามของวัดอนาลโย วัดในจังหวัดพะเยา และต่อยอดในการเดินทางท่องเที่ยวชมพื้นที่สวยๆงามๆทั่วประเทศไทยของเรา “เราเชื่อว่า จังหวัดพะเยายังมีที่เที่ยวที่สวยงามให้เราได้ไปชมอีกหลายแห่ง และประเทศไทยของเราก็ยังมีสถานที่ที่สวยงามชวนหลงใหลอีกมากมาย”