สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนเคยฟังคุณวัยรุ่นประจำบ้าน (คุณแม่ของผู้เขียนเอง) เล่าให้ฟังว่า สมัยตอนเด็ก ๆ จะนิยมเล่นว่าวมาก เพราะว่ามันสนุก และได้เพื่อนบ้านโน้นบ้านนี้เล่นด้วยกันตามประสา มันเป็นอะไรที่มีความสุขแบบง่าย ๆ มากสมัยนั้น พอตัดภาพมาสมัยนี้ ภาพคนเล่นว่าวก็ค่อย ๆ น้อยลง เนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นเด็ก ๆ มาเล่นว่าวกันเลย แต่ว่าวก็ยังไม่ได้เลือนหายไปจากความทรงจำสักครั้งเดียว Credit pic : pexels ถ้าได้อ่านตามประวัติของว่าวนั้น ในตอนแรกว่าวมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ยังไม่ได้ใช้เป็นกีฬาหรือการละเล่นอย่างเป็นทางการ แต่ว่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการทหารในสมัยนั้ยมาก่อน แล้วมันค่อย ๆ พัฒนามาเป็นเครื่องเล่นยอดนิยมในหลายชนชาติ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ที่มีหลักฐานปรากฏว่าการเล่นว่าวเริ่มเล่นในสมัยสุโขทัย Credit pic : shutterstock ใน pixabay ว่าวไทยที่ใคร ๆ รู้จักกันดีก็คือ ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา ว่าวงู ว่าวนกฮูก แต่ว่าวงูกับนกฮูกจะเน้นสีสันของกระดาษสามากกว่า เล่นเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า จะเป็นที่นิยมในการเล่นแบบทางการกีฬามากที่สุด จะมีความแตกต่างกันดังนี้ 1. ว่าวจุฬา เรียกได้ว่านิยมเล่นในภาคกลาง จะเห็นได้ในงานหลวงบางงาน และเล่นกันตามท้องสนามหลวง ไม่ว่าจะแข่งขันกันในเชิงกีฬา หรือเล่นเพื่อออกกำลังกายสำหรับเด็ก ๆ และจัดเป็นกีฬาเพื่อมวลชนได้ ว่าวจุฬาจะมี 5 แฉก ถ้าวางโครงไม้ไผ่ไม่ดี หรือสัดส่วนไม่เหมาะสม ว่าวจุฬาจะเลี้ยงตัวไม่ดี เอียงไปมาหรือบางทีก็ไม่ลอยเลย แต่ถ้าวางโครงดี ว่าวจุฬาจะสวยมากเมื่อลอยอยู่บนท้องฟ้า จุดเด่นคือว่าวจุฬาจะมีดอกจำปาเป็นอาวุธเพื่อล่อให้ "ติดกับ" 2. ว่าวปักเป้า ตัวว่าวจะมีขนาดย่อมเยาลง เล็กกว่าว่าวจุฬาสองเท่า เน้นในการเล่นแบบชิงไหวชิงพริบ เพราะความเล็กของว่าว จะได้เปรียบในเรื่องความว่องไว ปราดเปรียว ว่าวปักเป้าจะมีสายป่านที่เรียกว่า "เหนียง" จะมีไว้เพื่อคล้องว่าวจุฬาให้เสียการทรงตัว กติกา "ว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า" จะเป็นการเน้นทำสถิติว่าใครเกี่ยวใครมากกว่ากัน คนนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ เช่น หากเป็นว่าวจุฬาจะเกี่ยวด้วยจำปา ส่วนว่าวปักเป้าจะใช้เหนียงเผด็จศึกให้ตกมาแดนของตน แต่ทั้งนี้การเล่นว่าวทั้งฝ่ายว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า จะไม่ล้ำเส้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต่อกัน แต่การเล่นกันถือว่าดุเดือดพอสมควร เพราะเหมือนกับพังพอนกับงูเห่ากำลังสู้กันบนน่านฟ้า จะได้เห็นลีลาของว่าวทั้งสองที่ติดอยู่ลมบน ที่กำลังสู้กับคู่ปรับเก่าที่คอยชิงดีชิงเด่นมาตลอด Credit pic : shutterstock ใน pixabay นอกจากว่าวจะเป็นเครื่องเล่นประจำฤดูกาลที่ปรากฏให้เห็นในวัฒนธรรมไทยนั้น ยังแฝงไว้ด้วยการใช้หลักกลศาสตร์จากภูมิปัญญาไทยอย่างชาญฉลาดยิ่ง จึงเป็นกีฬาประจำ "คิมหันตฤดู" หรือ "กีฬาในหน้าหนาว" ที่นิยมกันมากเลยล่ะ เหตุที่ว่าวไทยเริ่มไม่ค่อยนิยม อันดับแรกก็คือมีเรื่องเกี่ยวสายไฟค่อนข้างเยอะ จึงป้องกันอันตรายจากการเล่นว่าวโดยการหลีกเลี่ยงกรณีว่าวอยู่ใกล้หม้อแปลง และเทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์ จึงกลายเป็นเรื่องที่ขาดความนิยมไปโดยปริยาย แต่การเล่นว่าวควรเล่นในลานกว้างจะดีกว่า เพราะลานกว้างค่อนข้างจะหลากหลาย แล้วเล่นได้ปลอดภัยกว่า จึงทำให้รู้ว่าว่าวไทยไม่ได้หายไปจากความทรงจำซะทีเดียวหรอก เพียงแค่เราต้องรู้จักเล่นให้เหมาะสมกับช่วงฤดูและสถานที่ในการเล่นเท่านั้นเอง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและจะได้เล่นสนุก ๆ ไปนาน ๆ ผู้เขียนขอจบบทความเพียงเท่านี้นะคะ...สวัสดีจ้า :) Credit pic ภาพปก : pexels