ถ้าเราพูดถึง “วัฒนธรรมอินเดีย” แน่นอนเราจะนึกถึง การสวมใส่เสื้อผ้าส่าหรี เครื่องประดับตกแต่งต่าง ๆ บนจมูก มือ เท้า การแต่งแต้มลวดลายสีสันด้วยเฮนน่า การเต้นรำบนภูเขาที่มีอยู่ในเกือบทุก ๆ ภาพยนตร์ และการกินโรตี เป็นต้น ทั้งหมดนั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เราสามารถเห็นได้บนหน้าจอเท่านั้น แต่เมื่อเราได้ก้าวเท้าเข้าไปในดินแดนภารตะแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราสามารถสัมผัสได้คือ “วัฒนธรรมการดื่มชา” อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริโภค และส่งออกชารายใหญ่อันดับสองของโลก เป็นรองแค่ประเทศจีนเพียงเท่านั้น ในสายตาของคนอินเดีย ชาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม และมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่ามากที่สุด เสมือนว่า “ชา” นั้นมีชีวิตและวิญญาณ เพราะแต่ละวัน ๆ พวกเขาไม่อาจที่จะพลาดการดื่มชาได้ บางคนถึงขนาดเอ่ยขึ้นมาว่า “ชา อยู่ในสายเลือด” สังเกตได้เมื่อขึ้นรถไฟอินเดีย จะมีคนขายชา (คนอินเดียจะเรียกว่า “ไจวาลา” ) มากกว่าคนที่ขายของกินทั่วไป ไจวาลาจะตะโกนคำว่า “ไจ ๆ ๆ การัมไจ ๆ” ไปตลอดขบวนรถไฟ ซึ่งแปลว่า “ชามั้ยครับ ๆ ชาร้อน ๆ ครับ” และเมื่อเดินไปตามเส้นถนนต่าง ๆ ในประเทศอินเดีย ทุกซอกทุกซอยก็จะมีร้านขายชา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งดื่มชาอย่างไม่ขาดสาย ชาดำที่ผสมกับนมควายสด ๆ เป็นเครื่องดื่มที่เราต้อลองจิบสักครั้งในชีวิต มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าช่วงเวลาดังกล่าว ตนเองจะซึมซับและต้องตกอยู่ในภวังค์แห่ง “วัฒนธรรมการดื่มชา” จนกลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว วันละสามครั้ง ครั้งละสองแก้วเป็นอย่างต่ำ นี่คือเวลาที่ต้องยอมสละให้กับมันเพื่อที่จะได้รับบรรยากาศการดื่มชาอินเดียที่ร้านพร้อมกับกลิ่นอายตุ ๆ จากสารพัดอย่างที่รวมอยู่ข้าง ๆ มันคงเป็นเอกลักษณ์ที่มีเพียงในประเทศอินเดียเพียงประเทศเดียวเท่านั้น พร้อมกันนั้นยังได้พบเพื่อนใหม่ชาวอินเดียที่คอยมาทักพูดคุยอยู่เกือบทุกวัน (เป็นนิสัยของคนอินเดียชอบทักทายพูดคุยกับคนต่างชาติ) อีกหนึ่งเอกลักษณ์พิเศษของชาอินเดียคือ ต้มชาด้วยถ่านหิน ที่ใช้เวลาพอสมควรกับการติดไฟ ยิ่งไปกว่านั้น เชื้อเพลิงที่ใช้จุดถ่านหินคือ เศษขี้วัวขี้ควายพร้อมกับโรยน้ำตาลสักเล็กน้อยเพื่อให้ไฟแรงขึ้น อีกไม่นานเกินรอ คุณก็จะได้ชานมควายอินเดียร้อน ๆ พร้อมกับรสชาติที่ถูกปากถูกใจจนต้องสั่งเพิ่มเป็นแก้วที่สองอย่างแน่นอน (ขออภัยน่ะครับหากรูปภาพไม่ค่อยชัด เนื่องจากถ่ายด้วยโทรศัพท์) ________________________________________________________ เครดิตภาพ ภาพปก โดย Aditya Joshi จาก unsplash ภาพที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 : รูปภาพโดยผู้เขียน