บอลจบแต่ดราม่ายังไม่จบ! สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เอฟเวอร์ตัน - ลิเวอร์พูล ที่จบลงด้วยการแบ่งแต้มแบบสุดมันส์ 2-2 ถือเป็นศึก เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บีแมตช์ นัดที่ 237 ในประวัติศาสตร์การพบกันของทั้งคู่ที่พิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะมีไม่บ่อยครั้งที่ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ของอันเชล็อตติจะเริ่มเกมด้วยอันดับคะแนนและฟอร์มที่ดูจะร้อนแรงกว่าจากผลงานชนะรวด 4 นัดเปิดรังกูดิสันพาร์ครับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในฐานะจ่าฝูง! และจบลงแบบอุณหภูมิร้อนฉ่าสนั่นโซเชียลที่เราจะย้อนไปวิเคราะห์ถึงประเด็นต่าง ๆ แบบถ้าไม่อ่านให้จบจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง ลูกทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ บุกมาทำช็อกเจ้าบ้านด้วยการออกนำอย่างรวดเร็วเพียง 3 นาทีแรก จากการซัดยัดใต้คานแบบไม่จับของ ซาดิโอ มาเน่ ทำท่าว่าจะเป็นเกมที่ง่ายแต่แล้วจุดเปลี่ยนที่สร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับหงส์แดงก็มาถึงเมื่อต้องเสีย เวอร์จิล ฟานไดจ์ค ที่บาดเจ็บจากการเข้าบอลหนักของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ตั้งแต่นาทีที่ 11 ต้องเปลี่ยนเอา โจ โกเมซ ลงมายืนจับคู่กับ โจเอล มาติป ที่มีอาเดรียนเป็นผู้รักษาประตูแค่คิดแล้วแฟนหงส์ต่างเตรียมกุมขมับเพราะพอจะรู้อนาคตข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่ต้องรอนาน! อีก 8 นาทีต่อมา ไมเคิล คีน ที่ขึ้นโขกจากลูกเตะมุมแบบอะไรมันจะโล่งขนาดนั้น ยังดีที่นาที 72 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษเสียบเสาไกลให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-2 แต่แนวรับของลิเวอร์พูลที่ดูเป๋ในหลายจังหวะต้องเสียประตูจากลูกโหม่งอีกครั้งคราวนี้เป็น โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ที่ขึ้นโหม่งแบบโล่ง ๆ อีกครั้งให้เจ้าบ้านแบ่งแต้มจากลิเวอร์พูลได้สำเร็จ อ้าวจบแล้วหรือ! ยังครับ ยังไม่จบ.. เพราะยังไม่ถึงดราม่าประเด็นร้อนอาการบาดเจ็บของ ฟานไดจ์ค จากการเข้าเสียบสกัดบอลหนักของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ดันกลายเป็นจังหวะล้ำหน้าก่อนเท่ากับว่าเจ็บตัวฟรี และอาจต้องพักไปอีกหลายนัด ถ้าจังหวะนี้ไม่ล้ำหน้าว่ากันว่าจะเป็นทั้งจุดโทษ และใบแดงของพิคฟอร์ดที่ ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินในเกมนี้เตรียมควักอยู่แล้วแต่ VAR ก็มาช่วยชีวิตเจ้าบ้านท่ามกลางคำถามจากแฟนบอลลิเวอร์พูลว่าเสียบแบบนี้ ไม่โดนอะไรเลยหรือ? เพราะการต้องเล่นแบบไม่มีฟานไดจ์คอีกหลายนัดส่งผลกับทีมแน่นอน ดราม่าที่ 2 มาจากจังหวะปัญหาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+2 เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลทางกราบซ้ายให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงไปติดมือพิคฟอร์ดปลิ้นเข้าไปตุงตาข่ายแต่ก็เฮเก้อเมื่อถูก VAR จับเป็นลูกล้ำหน้าจากปลายข้อศอกของมาเน่ในจังหวะก่อนหน้า ทำเอาแฟนหงส์เกาหัวแกรก ๆ ว่าเอากันขนาดนี้เลยหรือ เมื่อฟุตบอลยุคใหม่ตัดสินกันที่มิลลิเมตรก็ต้องยอมรับชะตากรรมจาก VAR ถ้าจะถามถึงผู้เล่นที่เด่นที่สุดในเกมนี้ต้องยกให้ ฮาเมส โรดริเกซ ของเอฟเวอร์ตันที่แม้จะไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูแต่ก็มี 1 แอสซิสต์ เล่นเด่นตลอดทั้งเกมเป็นหัวใจในแดนกลางของเอฟเวอร์ตันที่แสดงความเหนือชั้นในหลายจังหวะสมราคานักเตะระดับโลก อีกคนที่ต้องชมคือ ไมเคิล คีน ที่เกมนี้เด่นทั้งรุกและเป็นคนโหม่งประตูตีเสมอให้ท็อฟฟี่กลับมาสู่เกมรวมถึง โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ที่กดแนวรับลิเวอร์พูลเอาชนะลูกกลางอากาศได้แทบทุกจังหวะ ข้ามฝั่งมาที่ลูกทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ที่ดูเป็นหน้าเป็นตาที่สุดดูจะเป็นมาเน่ และซาลาห์ ที่ยังเล่นด้วยมาตรฐานของตัวเองสวนทางกับแนวรับที่หลังเสียฟานไดจ์คโดนล่อเป้าแทบทั้งเกม โดยเฉพาะการเอาชนะลูกกลางอากาศที่เสียวทุกครั้งโดย และการประสานงานระหว่างกองหลังกับอาเดรียนที่ยังไม่ดีพอ และจะเป็นไปแบบนี้อีกหลายเกม นัดต่อไปในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลมีโอกาสแก้ตัวเมื่อได้กลับมาเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในคืนวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ฟอร์มของเชฟฟิลด์ที่ผ่าน 4 นัดแรกยังไม่ชนะใครไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับพลพรรคหงส์แดงในการคืนฟอร์มกลับมาเก็บ 3 แต้ม ที่ต้องมาตามลุ้นกันว่า เจอร์เกน คล็อปป์ จะวางหมากเกมรับอย่างไรเมื่อไม่มีฟานไดจ์ค ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไหลเป็นเรื่องที่ต้องติดตามชม.. อัปเดตเรื่องราวในวงการฟุตบอล และกีฬาทั่วโลกได้ที่ อัปเดตเรื่องราวในวงการฟุตบอล และกีฬาทั่วโลกได้ที่ sport.trueid.net และวันหน้ามาติดตามเรื่องราวการวิเคราะห์ที่น่าสนใจแบบนี้กันได้อีกครับ 🤗.. ชมไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020/21 สัปดาห์ที่ 5 เอฟเวอร์ตัน พบ ลิเวอร์พูล ได้ที่นี่ >>คลิก<< ภาพประกอบโดย Twitter Official ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่