(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) สถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ช่วงนี้ ทำให้คนในประเทศร่วมด้วยช่วยกันที่จะกักตัวอยู่บ้านหรือ Stay at home แล้วกิจกรรมสุดฮิตที่จะคลายความเบื่อหน่ายได้ดีก็คือ การดูซีรีส์นั่นเอง!! ว่าแต่ซีรีส์เรื่องไหนที่ต่อคิวอยู่ในลิสต์ของทุกคนกันบ้างคะ วันนี้เราขอแนะนำอีกหนึ่งตัวเลือกให้รีบเพิ่มเข้าไปในลิสต์อย่างไว เพราะเรื่องนี้รับรองความเท่ ความคูล ความสนุก ความแปลกใหม่ ความเก่ง ความพลิกแพลง รวมไปถึงข้อคิดการทำธุรกิจ และแง่มุมของตัวละครที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดี “Itaewon Class” หรือชื่อไทยคือ ธุรกิจปิดเกมแค้น เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มาแรงในปีนี้ เริ่มต้น EP แรกก็เรียกน้ำตาคนดูเลยค่ะ เป็นการเปิดประเด็นจุดกำเนิดของปมปัญหาทั้งหมด ดำเนินเรื่องโดยตัวละคร “พัคแซรอย” เด็กหนุ่มที่มีความเป็นลูกผู้ชาย เขามีอุดมการณ์ ยึดมั่นในความยุติธรรม และมีจุดยืนในชีวิตตามแบบอย่างที่พ่อของเขาสอน แต่ชีวิตกลับพลิกผัน เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด วันแรกของการไปโรงเรียน เขาเห็นเพื่อนในห้องถูกทำร้ายซึ่งเพื่อนคนอื่น ๆ รวมถึงอาจารย์ไม่มีใครสนใจกลับเพิกเฉย เพราะคนที่ทำร้ายคือ “จางกึนวอน” เป็นลูกของท่านประธานจางแดฮี ผู้มีอิทธิพลต่อโรงเรียน แต่แซรอยไม่ได้กลัวแต่อย่างใด เขาตัดสินใจต่อยหน้าจางกึนวอน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน แต่เท่านั้นยังไม่พอ! พ่อของเขาก็ต้องมาตายจากอุบัติเหตุรถชนเพราะน้ำมือของจางกึนวอนอีกเช่นกัน แถมเขายังไม่ต้องเข้าไปรับผิดชอบการกระทำใด ๆ เพราะประธานจางใช้อำนาจให้คนอื่นไปรับผิดแทน แซรอยด้วยความโกรธแค้นเพราะสูญเสียพ่อ เขาตัดสินใจไปทำร้ายจางกึนวอน ทำให้ถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า จึงทำให้แซรอยต้องติดคุก 3 ปี เรื่องราวทั้งหมดจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแรงแค้นที่เขาต้องการจะเอาชนะท่านประธานจางแดฮี และจางกึนวอน แม้เขาจะเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ ที่เริ่มต้นทำธุรกิจจากศูนย์ แต่เขาก็มีความกล้าหาญ มีใจที่มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าพูดแล้วว่าจะทำเขาต้องทำให้ได้!(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/)โดดเด่นที่ตัวละคร และมุมมองที่แตกต่าง พัคแซรอย ผู้ชายหน้าซื่อ ๆ แต่สุดแสนจะเท่ แล้วเท่แบบธรรมชาติไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลยค่ะ ด้วยคาแรคเตอร์ของตัวละครที่เด่นชัดกับจุดยืน เอกลักษณ์ตัวตนที่แตกต่าง รักความยุติธรรม มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ที่บอกเลยว่าหายากในสังคมปัจจุบัน มาพร้อมทรงผมทรงเกาลัดสุดจ๊าบ ซึ่งพัคซอจุน (อปป้าผู้รับบทบาทนี้) ก็แสดงความเป็นพัคเซรอยได้อย่างไม่มีที่ติเลยค่ะ ถ้าถามว่าอะไรคือ สิ่งที่น่าสนใจของละครตัวนี้ นอกจากจุดยืน ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้แล้ว เราคิดว่าเรื่องของ “สัญชาตญาณ” ที่พัคแซรอยมักจะถูกถามอยู่เสมอว่าเลือกสิ่งนี้เพราะอะไร? ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้? คำตอบที่ได้ก็คูลสุด ๆ เลือกเพราะสัญชาตญาณความเชื่อมั่น เขาเริ่มต้นธุรกิจด้วยการเปิดร้านอาหารกึ่งผับเล็ก ๆ ในย่านอิแทวอนที่มีชื่อว่า ‘ทันบัม’ เขายึดมั่นในแนวทางของตนเองเสมอมา และต่อให้เจอความล้มเหลวสักกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้ เพียงแค่พูดว่า เราทำใหม่ก็ได้! ปิดได้ก็เปิดใหม่ได้ และอีกหนึ่งคำพูดที่ทัชใจเราเลยก็น่าจะเป็น “สิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือ ผู้คน และความเชื่อมั่น” และ “ผู้คนสำคัญกว่าเงิน ความเชื่อใจสำคัญกว่ากำไร” สื่อให้เห็นว่าแนวทางการทำธุรกิจของเขาว่าให้ความสำคัญกับผู้คนมากกว่าผลประโยชน์(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) โจอีซอ เด็กสาวอายุ 20 ปีที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความคิดทันสมัย พูดจาตรงไปตรงมา พร้อมกับมีความสามารถรอบด้าน แถมยังมีทักษะเรื่องการทำธุรกิจผ่านสื่อออนไลน์เพื่อสร้างรายได้ คือการเป็น Blogger และ Influencer เรียกได้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้มันน่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้ค้นหาแล้ว จนเธอได้มาพบกับพัคแซรอย ชายหนุ่มธรรมดา ผู้เป็นเจ้าของผับย่านอิแทวอนที่ไม่มีทักษะด้านธุรกิจเลย มีเพียงแต่จุดยืนที่แน่วแน่และหัวใจอันบริสุทธิ์ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอสนใจ และตกหลุมรักเขา และมันเป็นการท้าทายสำหรับเธอที่อยากจะทำให้ผู้ชายคนที่พบความบอบช้ำในอดีตไปถึงจุดหมายตามที่ฝันไว้ เธอเข้ามาในทีมของพัคแซรอยในตำแหน่งผู้จัดการร้าน แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำและเด็ดเดี่ยว เธอเปลี่ยนแปลงร้าน และทำโฆษณาผ่านสื่ออนไลน์เพื่อให้ร้านเป็นที่สนใจ พูดกับคนในทีมอย่างตรงไปตรงมา (แม้ว่าบางครั้งเธอจะโผงผาง และมองแต่เรื่องการหากำไรเป็นหลัก แต่เธอก็ได้เรียนรู้เรื่องการอยู่กับผู้คนจากพัคแซรอย) มุมมองการใช้ชีวิตของโจอีซอที่เราประทับใจคือ เธอเข้ามาทำงานที่นี่โดยเอาชีวิตตัวเองมาเป็นเดิมพัน เธอทิ้งชีวิตที่ต้องเรียนในรั้วมหาลัยตามกรอบเดิม ๆ แต่เธอกลับออกมาทำธุรกิจกับชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นที่ใช้สัญชาตญาณในการทำงาน และเพียงเพราะว่าเธอรักเขาเท่านั้นเลย คำพูดของโจอีซอที่ทัชใจเราเลยคือ "อยากรวยหรอ ฉันจะทำให้รวยเอง ชางกาทำให้แซรอยลำบากหรอ ฉันจะทำลายมันให้เอง" แสดงให้เห็นว่าโจอีซอพร้อมที่จะเดินเคียงข้างแซรอย จุดยืนและเป้าหมายของเขาเธอจะทำให้มันเกิดขึ้นเอง โอวววว ฟังแล้วแบบว่าต้องรักขนาดไหนถึงทำให้ขนาดนี้ ><(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) โอซูอา หญิงสาวที่เติบโตในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ชีวิตต้องพึ่งพาตัวเอง แต่มีพ่อของพัคแซรอยที่คอยช่วยสนับสนุนทำให้เธอคิดว่าเค้าเหมือนกับพ่อของเธอคนหนึ่ง มุมมองการใช้ชีวิตของเธอจะแตกต่างกับพัคแซรอย เธอเป็นคนเงียบ ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เธอก็กลายเป็นรักแรกของพัคแซรอย และเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ในการแก้แค้น หลังจากพ่อของแซรอยตาย เธอได้รับทุนจากชางกา และเข้าทำงานที่นั่น ขณะเดียวกันโอซูอาก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวที่คอยเขียนจดหมายเล่าความเป็นไปต่าง ๆ ให้กับแซรอย แม้ว่าเธอเองจะมีใจให้กับเขา แต่เธอก็ไม่เคยพูดมันออกไป คำพูดที่พูดกับแซรอยคือ “นายอย่าชอบฉันเลย” แต่กลับมีคำพูดที่มีนัยยะเหมือนให้ความหวังว่า “ฉันชอบคนรวย อนาคตนายจะรวยใช่มั้ย” เหมือนแฝงความนัยว่าเธอยังรอเขาอยู่ แต่ถ้ามองในทางกลับกัน โอซูอาไม่ได้ทำอะไรเพื่อเซรอยเลย เธอเพียงรอคอยว่าสักวันหนึ่งแซรอยจะทำได้ ในที่สุดโอซูอาก็ประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่เธอฝันไว้ เธอทำงานในตำแหน่งที่ใหญ่โตที่บริษัทชางกา แต่ขณะเดียวกันเธอก็ยังเป็นเพื่อนของแซรอย ในเรื่องเราจะเห็นมุมมองของโอซูอาที่คาดเดาได้ยากว่าเธอคิดอย่างไร เพราะเธอยืนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิแห่งการแข่งขันที่เธอไม่อาจออกมาได้ เรียกได้ว่าอยู่ระหว่าง คนที่รัก และความสัมพันธ์ กับงาน และความกตัญญู ท้ายที่สุดเธอก็ผิดหวังจากแซรอย และเลือกที่จะลาออกจากบริษัทชางกา(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) จางแดฮี ประธานบริษัทชางกา พ่อของจางกึนวอน และจางกึนซู เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะเขาทำให้บริษัทชางกาเป็นธุรกิจอาหารอันดับหนึ่งของเกาหลี มีความสามารถในการบริหารงานอย่างเด็ดขาด มุ่งมั่น ทะเยอทะยาน ทว่าเขายึดติดกับบริษัทชางกามากเกินไป จนหลงลืมความสำคัญของครอบครัว และคนในบริษัท ทำงานเพื่อหวังผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ทำให้ชีวิตเขาอยู่กับการแข่งขันตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะเก่งและเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่เค้ากลับรู้สึกกลัว และหวั่นใจกับการกลับมาของพัคแซรอยที่ก่อตั้งบริษัทเล็ก ๆ เขาจึงวางแผนทุกวิถีทางเพื่อให้แซรอยเห็นว่าเขาไม่มีทางชนะได้ โดยจางแดฮีต้องการแค่จะเอาชนะแซรอย เพียงเพื่อให้แซรอยยอมมาคุกเข่าต่อหน้าเขาเท่านั้น คำพูดที่เขามักจะพูดกับเซรอยเสมอก็คือ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” และ “หัดรู้จักเจียมเนื้อเจียมตน” เพื่อสื่อว่าบริษัทของเขาเป็นบริษัทใหญ่ก็ต้องเหนือกว่าบริษัทเล็ก ๆ ของแซรอยอยู่แล้ว(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) จางกึนวอน เด็กชายที่มีนิสัยก้าวร้าว ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า เพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจ และเงินทองในการจัดการปัญหาทุกอย่างได้ เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของประธานจางแดฮี และในอนาคตต้องกลายเป็นผู้สืบทอดบริษัทจนกระทั่งเขาได้มาพบกับแซรอย ชายหนุ่มผู้รักความยุติธรรม ไม่ยอมอ่อนข้อต่อการกระทำที่ข่มแหงผู้อื่นของเขา จางอึนวอนกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่ทำให้แซรอยถูกไล่ออกจากโรงเรียน เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาตาย ทั้งยังต้องติดคุกอย่างไร้ความยุติธรรม แม้ว่าลึก ๆ จางกึนวอนจะรู้สึกผิด แต่ด้วยการเลี้ยงดูของผู้เป็นพ่อทำให้เขากลายเป็นคนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เขามักถูกพ่อกดดัน และไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ทั้งยังปลูกฝังให้ใช้ชีวิตเพื่อเอาชนะคนอื่น สนใจแต่ประโยชน์ของตนเอง สำหรับตัวละครตัวนี้ ชี้ให้เห็นมุมมองว่าการเลี้ยงลูกนั้นสำคัญ เด็กจะเติบโตจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ เพราะลึก ๆ แล้วจางกึนวอนไม่ใช่เป็นคนไม่ดี แต่เขาถูกสังคมของครอบครัวหล่อหลอมให้เป็นแบบนั้น เขาไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อเลย เค้าไม่มีความมั่นใจ และไม่มีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ เหมือนใช้ชีวิตไปเพียงวัน ๆ ตามคำสั่งของพ่อเท่านั้น จางกึนซอ ลูกชายคนเล็กนอกสมรสของประธานจางแดฮี เป็นเพื่อนร่วมชั้นของโจอีซอ และเขาก็ตกหลุมรักเธอเสมอมา จางกึนซอเป็นเด็กผู้ชายจิตใจดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ชีวิตในวัยเด็กมักจะถูกจางกึนวอน พี่ชายต่างมารดากลั่นแกล้งอยู่เสมอ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่เคยได้รับความรักจากพ่อ จึงเลือกที่จะออกมาอยู่ตามลำพังไม่พึ่งพาครอบครัว จนเมื่อเขาได้มาพบกับแซรอย โดยจางกึนซอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ร้านทันบัมถูกสั่งปิด เขารู้สึกผิดจึงเลือกที่จะมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟกับแซรอย แม้เขาจะรู้ว่าโจอีซอแอบชอบแซรอยก็ตาม ตัวละครนี้ในตอนหลัง เขาเลือกที่จะกลับไปทำงานกับพ่อเพื่อจะสืบทอดบริษัทชางกา โดยสาเหตุเดียวคือ เขาต้องการให้โจอีซอสนใจเขา เขาทำทุกอย่างเพื่อจะทำให้ทีมแซรอยพ่ายแพ้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ดีว่าแซรอยเป็นคนอย่างไร สุดท้ายเขาก็เลือกความถูกต้อง และเลือกใช้ชีวิตอย่างที่เป็นตัวเขาเองมากกว่าการที่จะต้องทำตามคำสั่งของพ่อ(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) ซเวซึงควอน ชายหนุ่มเลือดร้อน ชอบใช้กำลังในการตัดสินปัญหา เขารู้จักกับแซรอยในคุก เขาเคยมีเรื่องกับแซรอยเพียงแค่ว่าแซรอยยึดมั่นในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เขากลับมองว่าคนติดคุกจะไปทำอะไรได้ และเมื่อออกจากคุกมา เขาก็กลับไปทำงานทวงหนี้ กลับไปเป็นนักเลง จนวันหนึ่งเขาได้พบกับแซรอยอีกครั้ง ซึ่งแซรอยยังหยัดยืนในคำพูดเดิม สิ่งที่แซรอยบอกไว้เป็นอย่างที่เขาพูดกับซึงควอนทุกอย่าง ทำให้เขาชื่นชมในตัวแซรอย และตัดสินใจมาทำงานที่ร้านกับแซรอยในที่สุด มุมมองการใช้ชีวิตของซึงควอนคือ ยึดมั่นในตัวตนของแซรอย ยอมปล่อยวางความคิดบางอย่างลง และลงมือทำเพื่อเป้าหมาย คำพูดแซรอยที่พูดและเราประทับใจคือ ‘อย่าเอาความคิดตัวเอง มาตัดสินชีวิตคนอื่น’ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงควอนเคารพและเชื่อมั่นในตัวผู้ชายคนนี้มาก มาฮยอนอี คาแรคเตอร์ในเรื่องคือ เป็นพ่อครัวในทีมทันบัม ฮยอนอีเป็นเพื่อนที่แซรอยเคยทำงานที่โรงงาน เหตุผลที่แซรอยชวนมาทำงานด้วย เพราะว่าเขาเคยทำข้าวกล่องมาให้แซรอยกินแล้วแซรอยรู้สึกว่ามันอร่อย เรียกว่าเพราะสัญชาตญาณล้วน ๆ เลยค่ะ มุมมองของตัวละครนี้ให้เราเห็นถึงความพยายาม การฝึกฝน และไม่ยอมแพ้ ฮยอนอีทำอาหารได้ไม่อร่อยเท่าที่ควร ทำให้โจอีซอเลือกที่จะให้แซรอยไล่ออก แต่แซรอยเชื่อมั่นในตัวพนักงาน เขาเลือกที่จะให้โอกาสฮยอนอีได้พัฒนา และในที่สุดเธอก็ทำอาหารอร่อย จนได้ไปออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์และชนะการแข่งขัน นอกจากนี้ตัวละครตัวนี้ยังมีความน่าสนใจคือ การนำเสนอประเด็นของ “ทรานส์เจนเดอร์” หรือชายหญิงข้ามเพศ ฮยอนอีเป็นผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง ในทีมทุกคนรับรู้และพร้อมยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น แต่เรื่องนี้เกิดเป็นประเด็นขึ้น ขณะที่ฮยอนอีกำลังถ่ายทำรายการรอบชิงชนะเลิศ เรื่องการเป็นทรานส์เจนเดอร์เป็นที่เธอไม่กล้าเปิดเผย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่จางกึนซอกลับใช้ประเด็นนี้เพื่อทำลายความนิยมของฮยอนอี ทุกคนในรายการต่างซุบซิบนินทา มองเธอด้วยสายตาที่แปลกประหลาด แต่เราชอบมุมมองการถ่ายทอดของซีรีส์เรื่องนี้มาก เพราะเลือกดึงประเด็นให้ฮยอนอีกล้าหาญที่จะเปิดเผยตัวตน ไม่วิ่งหนี ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นโดยที่ไม่ต้องการให้ทุกคนต้องมาเข้าใจหรือยอมรับเธอ เพียงแค่เธอต้องการที่จะบอกเท่านั้นเองเพราะเธอมีทีมที่เข้าใจเธอแล้ว(Photo From www.facebook.com/NetflixTH/) ว้าวววววว ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์การนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่เราไม่ได้พูดถึงอีก เช่น โทนี่ (เด็กเสิร์ฟในร้านทันบัม) คังมินจอง (คนสนิทของจางแดฮีทำงานที่บริษัทชางกา) ซึ่งก็มีมุมมองที่น่าสนใจเช่นเดียวกันค่ะ อ๊ะๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูไปหาดูกันด่วน ๆ เพราะเดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องน้าาาา