ศึกฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกคืนวันอังคารนี้มีเกมคู่เดือด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีคิวยกพลไปเยือน “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่สนามเอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ของ ซีเนดีน ซีดาน ที่โชว์ฟอร์มหรูไม่แพ้ใคร 11 นัดในทุกรายการ ชนะรวดมา 4 เกม รอพบลิเวอร์พูลที่หลังพิงเชือก หวังคว้าแชมป์เพื่อโควตากลับมาเล่นถ้วยนี้ในฐานะแชมป์เก่า อยู่ในช่วงฟอร์มสดเพิ่งถล่มเดอะกันส์เนอร์ในลีก 0-3 วันนี้ลุ้นโชว์ฟอร์มแรงต่อเนื่องนำทัพโดยดิโอโก้ โชต้า ดาวยิงตัวเก่งที่กระทุ้ง 2 ประตูในเกมเดียวกัน ถือเป็นแมตช์ยักษ์ชนยักษ์มันส์ระอุแน่นอน บทวิเคราะห์ของคู่นี้เป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ เริ่มกันที่เจ้าถิ่น หมดสิทธิ์ใช้งาน เซอร์จิโอ รามอส ที่เจ็บจากเกมส์ทีมชาติ และ ราฟาเอล วาราน จากพิษโควิด-19 รวมถึงเอเดน อาซาร์ และแบ็กขวาดานี่ การ์บาฆาล ที่เจ็บไปก่อนหน้า แต่ในรายของมิดฟิลด์ดาวรุ่งเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่หายไปตั้งแต่เกมรอบ 16 ทีมนัดสองกับอตาลันต้า ไปร่วม 3 สัปดาห์ สามารถกลับมาลงซ้อมเบา ๆ แต่ไม่น่าฟิตพอถึงขนาดลงมาช่วยทีม แต่ซีดานยังมีตัวหลักให้เลือกใช้งานครบทั้ง คาริม เบนเซม่า ที่เพิ่งยิง 1 ประตูช่วยทีมชนะเออิบาร์ 2-0 มีโทนี่ โครส และลูก้า โมดริช คุมแดนกลาง ทางฝั่งแนวรับการขาดหายไปของรามอสไม่ได้ส่งผลกระทบแบบกระทันหัน เพราะหากใครติดตามเกมลาลีกาจะเห็นว่ารามอสตั้งแต่เจ็บไปช่วงมกราคม มีสภาพไม่สมบูรณ์ ลงมาช่วยทีมแทบจะนับจำนวนนัดได้ มาดริดคุ้นเคยกับการเล่นโดยไม่มีรามอสมาสักระยะหนึ่งแล้ว ถ้าลงในระบบหลัง 4 ก็จะใช้ ราฟาเอล วาราน กับ นาโช่ ยืนคู่กัน แต่คืนนี้การขาดไปของวารานจะกระทบมากกว่า จะเป็นทางด้าน เอแดร์ มิลิเตา กองหลังดาวรุ่งบราซิลลงช่วยทีม ซีเนดีน ซีดาน จัดทัพในระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูติโบต์ กูร์ตัวส์ คู่เซ็นเตอร์นาโช่ ประสานงานกับเอแดร์ มิลิเตา แบ็กขวาลูคัส บาซเกซ แบ็กซ้ายแฟร์กล็องด์ เมนดี้ ขยับมาที่แผงมิดฟิลด์โทนี่ โครส , คาเซมิโร่ , ลูก้า โมดริช ทางฝั่งแนวรุกวินิซิอุส จูเนียร์ , คาริม เบนเซม่า และมาร์โก อเซนซิโอ้ มากันที่ทีมเยือนลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ นอกจากรายเดิมที่เจ็บอยู่อย่างฟาน ไดจ์ค , โกเมซ , มาติป และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในรายอื่นไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติมสามารถจัดทีมที่ใช้งานระยะหลังได้ตามต้องการ และไม่น่าจะต่างกับในเกมพรีเมียร์ลีกที่ถล่มอาร์เซนอล มีปรับแค่ 1-2 ตำแหน่งแนวรับยังยืนพื้นด้วยคู่เซ็นเตอร์โอซาน คาบัค กับนาธาเนียล ฟิลลิปส์ น่ามีการสลับเอา จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ลงมาเล่นแดนกลางร่วมกับฟาบินโญ่ และติอาโก้ อีกตำแหน่งที่ต้องเดาใจคล็อปป์ว่าจะเก็บ ดิโอโก้ โชต้า เอาไว้เป็นสำรองทีเด็ดหรือเปล่า แต่นาทีนี้เหล็กกำลังร้อนต้องรีบตี น่าได้เห็นโชต้าออกสตาร์ท 11 คนแรกลุ้นล่าตาข่ายตั้งแต่ต้นเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงใช้ระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูอลิสซง เบ็คเกอร์ คู่กองหลังตัวกลางโอซาน คาบัค คู่กับนาธาเนียล ฟิลลิปส์ แบ็กขวาเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กซ้ายแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แผงมิดฟิลด์จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม , ฟาบินโญ่ , ติอาโก้ อัลคานตาร่า แนวรุกมากันแบบเต็มพิกัดซาดิโอ มาเน่ , ดิโอโก้ โชต้า และขาดไม่ได้โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บทวิเคราะห์ : ลิเวอร์พูลตั้งแต่ได้ฟาบินโญ่ มายืนตรงกลางตามถนัดทำให้รูปเกมดูแข็งแกร่งขึ้น แต่จุดสำคัญอยู่ที่คู่เซ็นเตอร์ดาวรุ่งเมื่อต้องรับมือกับพวกตัวเก๋าประสบการณ์สูงเขี้ยวลากดิน น่ามีออกอาการรวนให้เห็นบ้างไม่น่ากลับมาด้วยเกมคลีนชีต แต่ยังเชื่อในแนวรุกที่กำลังเข้าฝักจะมีดีพอที่จะกด อเวย์โกล ที่ต้องการ มองว่าผลเสมอแบบมีสกอร์เพียงพอสำหรับลิเวอร์พูลในการกลับมาลุ้นในแอนฟิลด์ สกอร์ที่คาด เรอัล มาดริด 1 – 1 ลิเวอร์พูล กลับมาลุ้นกันต่อเลก 2 ที่บ้านหงส์แดง เกมการแข่งขันจะมีขึ้นในคืนวันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสดทาง UEFA.TV >>คลิก<< แฟนบอลตามลุ้นตามเชียร์กันได้เลยครับ ภาพประกอบโดย ภาพปก Real Madrid , Liverpool FC / Liverpool FC ภาพที่ 1 / Pixabay : OpenClipart-Vectors / (PNG) Laliga Official Real Madrid , Premierleague Official Liverpool ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่ ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!