ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ คู่ใหญ่ระดับห้าดาวประจำค่ำคืนวันอาทิตย์เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดแอนฟิลด์ทำศึกแตกหักกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเส้นทางลุ้นแชมป์ลีกเป็นเดิมพัน ก่อนเริ่มเกมเจ้าถิ่นผ่าน 22 นัดมี 40 แต้ม ตามหลังจ่าฝูงเรือใบสีฟ้าทีมเยือนถึง 7 คะแนน แถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด หากลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ พลาดเก็บ 3 แต้มเตรียมบอกลาเก็บฉากยกแชมป์ให้เรือใบได้เลย แทบไม่มีทางเลือกอื่นให้เดิน การันตีอุณหภูมิความเดือดไม่มีใครยอมใครแน่นอน แนวโน้มผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร มาติดตามบทวิเคราะห์กันได้เลยครับ ลิเวอร์พูลเจ้าบ้าน เพิ่งได้กองกองหลังตัวใหม่แกะกล่อง โอซาน คาบัค และ เบน เดวี่ย์ มาเสริมแนวรับ แต่เกมสำคัญนัดนี้เชื่อว่ายังไม่น่าเสี่ยงประเดิมส่งลงตัวจริง ฟาบินโญ่ฟิตทันกลับมายืนคู่จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อาศัยประสบการณ์รับมือผู้เล่นแนวรุกระดับพระกาฬซิตี้ นอกจากฟาน ไดค์ , มาติป , โกเมซ , โชต้า และเกอิต้าตัวเดิมที่เจ็บอยู่แล้วไม่มีใครเจ็บเพิ่ม แถมยังได้อลิสซอน เบคเกอร์ ที่หายป่วยลงมาเฝ้าเสา ทางฝั่งแดนหน้าลุ้นเพียง ซาดิโอ มาเน่ ที่เจ็บจากเกมชนะสเปอร์สว่าจะฟิตทันไหม แต่คาดว่าจากฟอร์มตัวทดแทนในช่วงที่หายไปจำเป็นต้องเข็นลงไม่เช่นนั้นเกมรุกเจอปัญหาแน่ แมตช์นี้เน้นใช้ความเก๋ามากกว่าดาวรุ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพในระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูอลิสซง เบคเกอร์ คู่เซ็นเตอร์ฟาบินโญ่ กับเฮนเดอร์สัน แบ็กขวาเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กซ้ายแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขยับมาที่แผงมิดฟิลด์นำโดยติอาโก้ ประสานงานกับจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์ แนวรุกยังคงเป็น 3 ประสานซาดิโอ มาเน่ , โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทีมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงไม่มีเพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง เควิน เดอบรอยน์ แต่ไม่น่านับว่าเป็นปัญหาเพราะ 3 เกมหลังในลีกที่ไม่มีเดอบรอยน์ยังฟอร์มดีถล่มเวสต์บรอมวิชถึงถิ่น 0-5 , เปิดบ้านเฉือนเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 และนัดล่าสุดคืนวันพุธสอยเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟมัว 0-2 ถ้าย้อนไปอีกเรือใบสีฟ้าชนะรวดในลีกมา 8 นัดติดแล้ว หากไม่นับเดอบรอยน์ หากไม่นับเดอบรอยน์และอเกวโร่ที่หายไปนาน สภาพความพร้อมถือได้ว่าชุดเดิมยังอยู่กันครบ อยู่ที่กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะจิ้มใครลงเท่านั้นเอง แต่เชื่อว่าแนวรุกจะเลือก กาเบรียล เฆซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ทำคนละประตูในนัดชนะเบิร์นลีย์ ประสานงานร่วมกับ ฟิล โฟเด้น ที่ได้พักมาเกมที่แล้ว แดนกลางปรับทัพใช้ความสด แฟร์นันดินโญ่ ลงมาบัญชาการ กวาร์ดิโอล่า มาในระบบ 4-3-3 นำโดยผู้รักษาประตูเอแดร์สัน กองหลังตัวกลางรูเบน ดิอาส ยืนคู่จอห์น สโตนส์ แบ็กขวาชูเอา คานเซโล่ แบ็กซ้ายโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก แดนกลางอิลคาย กุนโดกัน-แฟร์นันดินโญ่-แบร์นาร์โด ซิลวา แนวรุกเต็มสูบฟิล โฟเด้น , กาเบรียล เฆซุส และราฮีม สเตอร์ลิง วิเคราะห์รูปเกมแม้ลิเวอร์พูลฟอร์มนัดหลังไม่ดี แต่อยากให้นึกถึงช่วงที่สถานการณ์คล้ายกันแพ้ต่อเนื่อง 2 นัดแล้วมาเสมอแมนยู หรือถล่มสเปอร์ส 3-1 ในสภาพก่อนเริ่มเกมที่ใครต่างคิดว่าต้องแพ้แน่ เมื่อถึงเกมใหญ่จะเล่นด้วยเอเนอร์จี้ที่ต่างไปจากเดิม และลิเวอร์พูล แพ้ในแอนฟิลด์ต่อแมนซิตี้ครั้งล่าสุด ต้องย้อนกลับไปถึง 3 พฤษภาคม ปี 2003 ตั้งแต่ยุคเควิน คีแกน คุมเรือใบมาชนะ 1-2 นัดที่กำลังจะเกิดขึ้นรับประกันว่าถ้าเจอแมนซิตี้ที่แอนฟิลด์ หงส์แพ้ยาก สกอร์ที่คาด ลิเวอร์พูล 2 – 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บสามคะแนนสำคัญขยับขึ้นไปเบียดลุ้นแชมป์กับหัวตารางอย่างสนุกต่อไป เกมการแข่งขันจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 23.30 น. รับชมถ่ายทอดสดกันเช่นเคยที่ True Visions ช่อง True Premier Football HD1 สด! ครบทุกแมตช์ มันส์ สุดทุกแพลตฟอร์ม ที่นี่ที่เดียว.. ภาพประกอบโดย ภาพปก Liverpool , Manchester City / ภาพที่ 1 Liverpool / Pixabay : wendy1704 / Pixabay : OpenClipart-Vectors / Premierleague Official (PNG) Liverpool , Manchester City ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่ ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!