ฟุตบอลไทยลีก กลับมารีสตาร์ทกันได้หลายแมทช์แล้วหลังจากวิกฤตโรคโควิด19 แฟนบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด หรือ ปราสาทสายฟ้า ได้แต่เซ็งไปตามกัน เพราะยอดทีมดังที่มีแฟนบอลมากที่สุดของไทยลีก ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เป็นทีมเต็งแชมป์มาตลอด มีฟอร์มการเล่นเคยที่ดุดัน เต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำมีคุณภาพ กลับโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออกและมีผลการแข่งขันแบบน่าผิดหวังมาก โดยตอนนี้ บุรีรัมย์ อยู่อันดับ 9 จากทั้งหมด 16 ทีม หลังจากแข่งขันไปได้ 7 นัด ถึงแม้ว่าบุรีรัมย์จะแข่งขันน้อยกว่าทีมอื่นอยู่ 1 นัด แต่จาก 7 นัดที่ผ่านมาแพ้ไปแล้วถึง 3 นัด มีแค่ 10 คะแนน ตามหลังทีมนำอย่าง บีจีปทุม ถึง 12 คะแนน ผลงานที่ออกมาถือว่า ย่ำแย่และตกต่ำมากที่สุดของทีม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะกลับมาลุ้นแชมป์ ถึงแม้ว่ายังเหลือการแข่งขันอีกมาก และในปีนี้ มีการปรับเวลาการแข่งขันใหม่เป็นแบบข้ามปี ทำให้ไทยลีกจะใช้วิธีคัดเอาทีมที่ได้อันดับ 1-4 ของเลกแรก (15 แมทช์) ไปแข่งขันฟุตบอลรายการชิงแชมป์สโมสรเอเชีย (AFC Champions League) ทำให้ทีมปราสาทสายฟ้าจะต้องพยายามอย่างเหนื่อยหนักเพื่อที่จะทำผลงานให้สามารถยึดโควตานี้เอาไว้ได้ เรามาวิเคราะห์หาสาเหตุที่มีส่วนทำให้ทีมใหญ่แห่งแดนอีสานใต้ ไม่สามารถโชว์ฝีเท้าได้เปรี้ยงปร้างเหมือนกับในปีที่ผ่าน ๆ พอจะมีปัจจัยสำคัญ 5 ปัจจัย ดังนี้ 1. ตัวผู้เล่นต่างชาติ แฟนบอลไทยลีกขาประจำรู้กันดีว่า ทุกทีมในไทยลีกมีนักเตะต่างชาติหรือตัวนอกที่มีระดับฝีเท้าเหนือกว่านักเตะไทย ยกระดับทีมไว้และเป็นสีสันของลีก (ตามกฎคือ ต่างชาติ 3 เอเชีย 1 อาเซียนไม่เกิน 3ในการลงสนาม) หลายปีก่อน ตัวนอกของบุรีรัมย์เก่าไปใหม่มาส่วนมากจะทำผลงานได้ดีถึงจะอยู่กันแค่คนละ 1 season เป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ตัวนอกของบุรีรัมย์ถึงจะมีโปรไฟล์ดี แต่กลับโชว์ผลงานไม่ดี จะด้วยการปรับตัว หรือสาเหตุอื่น ๆ หลายคนต้องถูกเปลี่ยนโควต้าแค่ครึ่ง season ยิ่ง บุรีรัมย์ ขายนักเตะระดับดำนานอย่าง ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต ออกไปแต่ไม่มีผู้เล่นใหม่ ที่เสริมเข้ามาทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงกับเขาเลยแม้แต่น้อย และทางสโมสรมีนโยบาย ไม่ซื้อต่อนักเตะต่างชาติในไทยลีก เหมือนที่สโมสรอื่นในไทยลีกนิยมทำกันคือ ซื้อนักเตะต่างชาติที่ฟอร์มเด่นในลีกเข้ามาในทีม ไม่ต้องห่วงเรื่องการปรับตัวอะไรมาก แต่ของบุรีรัมย์ มีตัวใหม่เข้ามาต้องคอยลุ้นกันตลอดว่าในเกมจริง ๆ แล้วจะเล่นได้หรือเปล่า แฟนบอลไม่ค่อยตื่นเต้นกับโปรไฟล์สุดหรูมากนัก เพราะที่ผ่าน ๆ มา ก็เห็นมาเยอะ ต้องการคนที่เล่นได้มากกว่า และตัวนอกชุดปัจจุบันที่เล่นมา 3 นัด ก็ยังโชว์ฟอร์มได้ไม่ประทับใจกองเชียร์ 2. ตัวนักเตะไทย ถึงแม้บุรีรัมย์ เป็นสโมสร ที่มีโครงสร้างเยาวชน หรือ ระบบอะคาเดมี่ที่ดีที่สุดทีมหนึ่งของเมืองไทย สร้างนักฟุตบอลเก่ง ๆ มากมาย ในทีมก็มีนักเตะดีกรีทีมชาติอยุู่เยอะ แต่ปัจจุบัน ทีมใหญ่หลายทีม อย่าง บีจี หรือ ท่าเรือ ก็มีทุนหนา ทุ่มซื้อนักเตะตัวเด่น ๆ เข้าไปอยู่ในทีมเต็มทุกตำแหน่ง ว่ากันตามตรง คุณภาพและฟอร์มของนักเตะไทย ณ ปัจจุบัน บุรีรัมย์ ถือว่ายังเป็นรองอยู่ จากฟอร์มนัดล่าสุดที่แพ้ บีจีปทุม 0-1 เห็นได้ชัดว่าเป็นรองชัดเจน และเช่นกัน บุรีรัมย์ มีนโยบายอย่างชัดเจนที่จะไม่ซื้อสตาร์นักเตะไทยด้วยเงินแพง ๆ เข้าทีม ในปีนี้ที่หลายทีมทุ่มเงินกันทำให้บุรีรัมย์ต้องแบกน้ำหนักพอสมควรเวลาแข่งขัน ไม่ได้เหนือกว่าทุกอย่างเหมือนสมัยก่อน 3. ระบบการเล่น ถึงจะไม่มีการเปลี่ยนโค้ช แต่ใน season นี้ บุรีรัมย์ เปลี่ยนแผนการเล่นจากระบบ 3-5-2 ซึ่งใช้มานานหลายปี มาเป็นระบบ 4-3-3 หรือถ้าจะพูดถึงเกมรับจะเรียกว่าระบบหลัง 4 เหมือนจะยังไม่ลงตัว ไหนจะเรื่องการใช้นักเตะในตำแหน่งที่เขาไม่ถนัด ตามหลัก put the right man on the right job อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด ควรเป็นกองหน้า ไม่ใช่มิดฟิลด์หรือปีก ศศลักษณ์ ไหประโคน ควรเป็นปีกไม่ใช่แบ็ค นักเตะสร้างสรรค์เกมรุกควรจะมีมากกว่า จักรพันธ์ แก้วพรหม ที่ปีที่แล้วเขาลงสนาม น้อยทำให้ส่งผลกับผลงานของทีมนอกเหนือจากการไม่มีดิโอโก ลูกตั้งเตะซึ่งเคยเป็นอาวุธเด็ดของทีมในระดับสโมสรเอเชียเลย กลับไม่มีความน่ากลัว บุรีรัมย์เคยมีแบ็คซ้ายดี ๆ อย่าง ธีระธร หรือ ต่อมามีกรกช ถึงฟอร์มโดยรวมจะเทียบธีระธรไม่ได้ แต่ลูกตั้งเตะถือว่าระดับต้น ๆ ของไทยลีก แต่หลัง ๆ ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเลย 4. ขาดผู้นำในสนาม ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการปะทะกัน ในทีมควรต้องมีผู้เล่นที่มีบุคลิก ห้าวหาญ ดุดัน ไม่กลัว สู้ไม่ถอย และคอยกระตุ้นคนอื่น ไม่ให้ หงอ กลัว เฉื่อย ในสถานการณ์ที่กดดัน อย่างเวลาไปเล่นเป็นทีมเยือน หรือ บอลตามหลัง ไม่ต้องสุภาพเรียบร้อยมากนักเพราะเป็นกีฬามวลชน ก่อนหน้านี้มี กัปตัน กบ สุเชาว์ นุชนุ่ม หรือ นักเตะต่างชาติอย่าง ตูเนส หรือ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ที่มีบุคลิกแบบนี้ และยุคนี้บุรีรัมย์อาจจะขาดไป 5.ความกระหายในชัยชนะ นักเตะบุรีรัมย์ชุดนี้ ถึงจะมีผู้เล่นอายุน้อยหลายคน แต่บางคนก็อยู่ในช่วงที่ทีมได้แชมป์ต่าง ๆ มามากมาย บางช่วงแทบจะไร้คู่ต่อกรหรือนอนมา ชัยชนะมากมายทีเคยได้มา มันทำให้ไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นหรือกระหายในชัยชนะ เพราะเคยชิน เดี๋ยวก็กลับมาชนะได้ แต่ในวันนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ความไม่กระหายในชัยชนะ รวมถึงทีมงาน แฟนบอลบางส่วนด้วย ทั้งหมด เป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่บุรีรัมย์ยูไนเต็ดจะต้องปรับตัวและกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีให้ได้และเร็วที่สุด ยังเหลือการแข่งขันอีกหลายนัดถึงแม้จะยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้อดีของบุรีรัมย์ มักจะเป็นทีมเครื่องดีเซล ที่มักจะมาฟอร์มร้อนแรงในเลกที่สอง และเป็นทีมที่มีประสบการณ์ในสถานการณ์บีบคั้นมากกว่าทีมอื่น ในระดับถ้วยเอเชียก็เจอมามากมาย เรื่องและภาพทั้งหมด โดย Boo Planet