เมื่อราวเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนปี ๒๕๖๒ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้ได้ขาดการติดต่อข่าวสารภายในประเทศสักพัก จนข้าพเจ้าได้กลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง ก็ได้พบกับหัวข้อหลักซึ่งเป็นประเด็นบางอย่างในสังคมซึ่งชวนให้ประหลาดใจ นั่นก็คือ #เมเจอร์25บาท ในแฮชแท็คของทวิตเตอร์ จนข้าพเจ้าอดหาข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่ ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/free-photos-vectors/background เมื่อไปค้นหาข้อมูลข้าพเจ้าจึงพบว่า ประเด็นเรื่องนี้มีที่มาจากโรงหนังในเครือหนึ่งได้ลดราคาตั๋วหนังเป็นพิเศษหนึ่งวันในราคาเพียงยี่สิบห้าบาท จากที่บางสถานที่ราคาตั๋วหนึ่งใบขึ้นถึงสองร้อยก็มี แต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือการที่มีเด็กนักเรียนโดดเรียนมาเพื่อชมภาพยนตร์มากมาย บ้างก็แสดงความเห็นในแง่ของการที่เด็ก “รู้จักสิทธิแต่ไม่รู้หน้าที่” เวลาที่ควรอยู่ในโรงเรียน ตั้งใจเรียนหนังสือ กลับมาโดดเรียนเพื่อมาดูหนังอย่างโจ่งแจ้ง เด็กที่อยู่ในฐานะของอนาคตชาติ ยอมละทิ้งหน้าที่ของตนเพื่อมาชมภาพยนตร์ราคาถูก ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็ไม่อาจหาข้อแก้ตัวที่ดีได้เลย บ้างก็แสดงความคิดเห็นในอีกแง่มุมนึงที่ว่า การที่นักเรียนโดดเรียนมาดูหนังนั้น เป็นเพียงเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องจับมารวบรวบราวกับกระทำผิดใหญ่หลวง พาลจนคิดไปถึงว่าหรือการที่นักเรียนสามารถโดดเรียนได้นั้นเป็นการจัดการที่ไม่ดีของทางสถานศึกษาหรือเปล่า? ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/th/photos/เข้ารับการรักษา-คูปอง-ยอมรับ-2974645/ สำหรับในความเห็นของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่โดดเรียนมาเพื่อชมภาพยนตร์ในราคาถูกเท่าไรนัก หน้าที่ของนักเรียนคือการเรียนหนังสือ ภาพยนตร์เป็นเพียงแค่สื่อความบันเทิงภายนอกเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยเช่นกัน กับการจับนักเรียนมารวมกลุ่มกันราวกับเพื่อประจานให้อับอายเช่นนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าผู้ใหญ่อยากให้เด็กเข็ดหลาบ แต่ข้าพเจ้ากลับเห็นว่าหากทำเช่นนี้คงจะเป็นการให้ผลตรงกันข้ามเสียมากกว่า ขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/th/photos/โรงละคร-ดนตรี-การเต้นรำ-ขั้นตอนที่-1477670/ โดยสรุปแล้วในเรื่องนี้ มีเพียงเหตุผลที่แตกต่างกัน ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็ควรจะรู้จักประนีประนอมยอมความซึ่งกันและกัน ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ตัดสินแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่เข้าใจถึงจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่งแม้แต่น้อย หากทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันดีแล้ว เรื่องราวทั้งหมดคงจะจบลงด้วยดี ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/free-photos-vectors/background