สิ่งปรารถนาของพ่อแม่ ผู้ปกครองทั่ว ๆ ไปคงมีไม่กี่เรื่องเกี่ยวกับลูกของตนเอง และทุก ๆ เป้าหมายของแต่ละคน แต่ละครอบครัวนั้นก็คงบอกได้เลยว่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ และมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน แต่วิธีการที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่คาดหวังเหล่านั้น คงจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของแต่ละบ้าน รวมถึงวิธีการของพ่อแม่ แต่ละคนด้วย แต่เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ว่าจะใช้วิธีการไหน แข็งกร้าว หรือโอนอ่อน แต่ทุกคนล้วนตั้งอยู่บนความหวังดีทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าลูกเราจะรับรู้ได้หรือไม่การเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ลูกจากประสบการณ์ของผู้อื่น เราว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะเราจะได้รู้ถึงปฎิกิริยาของเด็กที่เราอาจจะไม่ได้คำนึงถึงว่าเขาจะคิดอ่านเป็นแบบนี้ ด้วยความเป็นเด็กลูกก็คงคิดในกรอบของเด็ก ไม่ได้ใช้เหตุผลพิจารณาในแบบผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ดังนั้นเวลาได้อ่านเจอผู้ที่มาเล่าประสบการณ์การเลี้ยงลูกให้ฟังจึงเป็นสิ่งทำให้รู้สึกอยากขอบคุณมาก ดังนั้นเรามาสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันประสบการณ์กันดีกว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายเมื่อเดิบโตจนเข้าสู่วัยเข้าสังคมแล้ว ซึ่งก็เป็นช่วงอายุราว ๆ 3-4 ปีขึ้นไป เด็กก็จะเริ่มไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเพียงอย่างเดียวอย่างในวัยเด็กเล็กแล้ว เริ่มเข้าใจถึงการต้องอยู่ร่วมกัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ เราจะสังเกตุเห็นว่าลูกเราดูจะไม่กล้าแสดงออกเท่าที่ใจอยาก การแสดงออกถึงความประหม่า กังวลของเด็กแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนแสดงออกอย่างชัดเจน บอกถึงสิ่งที่กังวลได้ บางคนอายและกลบเกลื่อนไปว่าไม่สนใจ ไม่ต้องการ จุดนี้เป็นสิ่งที่พ่อแม่แต่ละคนคงดูลูกของตัวเองออก สิ่งแรกที่สำคัญเลยในการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกน้อยนั่นคือการรับรู้ของพ่อแม่ว่าลูกกำลังเผชิญปัญหาอยู่จริง มิใช่ไม่กล้ายอมรับกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าลูกตัวเองไม่เก่งไปเสียนั่นเมื่อเราตั้งใจมั่นแล้วว่าความมั่นใจในตนเองสามารถเสริมสร้างได้ ไม่ได้ติดตัวมาแต่กำเนิด เราก็มาเริ่มลงมือกันเลยงานบ้านง่ายจังการสร้างความมั่นใจ เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจในตัวเองนั้นเกิดจากการที่เขาได้รับรู้แล้วว่าเขาสามารถทำสิ่งนั้น ๆ ได้ ดังนั้นเมื่อเกิดสิ่งใหม่ ๆ ให้เขาได้ลอง การค่อย ๆ หัดทำไปทีละขั้นเพิ่มความั่นใจไปทีละน้อย ก็จะช่วยลดความกลัวที่เป็นสาเหตุหลักของความไม่มั่นใจลงไปได้ อาจเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถจะบรรลุเป้าหมายได้ไม่ยากเสียก่อน การให้ลูกได้รับผิดชอบในการทำงานบ้านก็เป็นกิจกรรมที่ดีอย่างหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นใจ อาจฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ แต่การที่เด็กทำสิ่งที่พ่อแม่มอบหมายให้แล้วเห็นผลงานเร็วนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กในวัยที่ยังคิดซับซ้อน รอคอยได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ข้อพึงระวังอย่างหนึ่งสำหรับแม่ที่ความเจ้าระเบียบสักหน่อย คือ ต้องมองข้ามความไม่เรียบร้อยของงานบ้านที่ลูกทำไปบ้าง พึงท่องในใจไว้ว่า ชมมากกว่าติ จะก่อเกิดความมั่นใจแก่ลูก อันนี้ทราบดีว่าอาจจะทำใจยากสักหน่อยสำหรับแม่บ้าน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเพิ่มความท้าทายพอลูกเริ่มโตขึ้น ความท้าทายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขารู้สึกอยากลอง ดังนั้นการชักชวนให้ลูกได้ลองกิจกรรมที่ยากขึ้นก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องคอยชี้นำ ให้กำลังใจให้ลูกกล้าลอง และคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย การขี่จักรยานโดยไม่ใช้ล้อประคองก็เป็นอีกกิจกรรมที่ดีที่ช่วยให้ลูกฝึกความมั่นใจ นับเป็นเรื่องท้าทายเรื่องแรกสำหรับเด็กวัยกำลังโตเลยทีเดียว เคล็ดลับที่ใช้ คือ คอยให้ความมั่นใจว่าเขาจะไม่เจ็บตัวแน่ เราจะคอยยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง คอยช่วยประคองแล้วปล่อยไม่ทิ้งให้ลูกล้ม ทำแบบนี้ไปสักพักจนลูกมั่นใจ แล้วในท้ายที่สุดลูกจะกล้าปั่นออกไปเอง ที่สำคัญคำชมอย่าได้ขาด เราเชื่อว่าเมื่อเราพร้อม เราจะกล้ามากกว่าทำโดยไม่พร้อม ลูกก็เช่นกันลงประกวดเมื่อพร้อมอีกวิธีที่เราใช้เพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูก นั่นคือ การหาที่ประกวดลงแข่งในเรื่องต่าง ๆ ที่เขาสนใจ อย่างเช่น ลูกเป็นเด็กที่ชอบเรื่องการวาดภาพ เขาสนใจมาตั้งแต่เด็ก คอยฝึกฝนจนเราเริ่มเห็นว่าเขาพอมีฝีมือไม่น้อยหน้าใคร จึงเริ่มคิดที่จะหาเวทีประกวดให้ลูกได้ลอง แต่การเลือกเวทีประกวดนั้น เราต้องยึดหลักที่ว่าไม่ยากเกินระดับความสามารถของลูก หากได้ผลก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นไปเป็นลำดับขั้น และอีกอย่างที่สำคัญอย่างมาก คือ ต้องพูดจูงใจให้ลูกอยากเข้าแข่งขันเอง อย่าได้เอาความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่มาเป็นตัวประกันให้ลูกต้องจำใจลงแข่ง เขาต้องอยากลงแข่งเพราะเห็นเป้าหมายเป็นตัวเขาเอง สิ่งนั้นสำคัญมากสำหรับการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูก เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการทำตามคำสั่งพ่อแม่เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ต่อความมั่นใจในตนเองของลูกเลยสักนิดจะเห็นได้ว่าการช่วยลูกเพิ่มความมั่นใจแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปนักสำหรับความตั้งใจจริงที่เราจะสร้างขึ้นให้แก่ลูกของเรา สมบัติใด ๆ ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าการที่เขาเป็นเด็กที่เก่ง มีความสามารถในการดูแลตนเองได้อย่างเต็มขีดความสามารถของเขา เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็หายห่วง วางใจ จะว่าไปวิธีการเพิ่มความมั่นใจยังมีอีกมาก และคงจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำไปแทบตลอดช่วงอายุของลูกเลยทีเดียว เพราะอิทธิพลของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นมีมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่ถ้าหากเราเริ่มต้นได้ดี ขั้นต่อไปที่จะก้าวเดินก็จะง่ายกว่ามากขอขอบคุณภาพประกอบบทความ/ภาพปกโดย StockSnap จาก Pixabay /รูปที่ 1 โดย sasint จาก Pixabay /รูปที่ 2 โดย AndisBilderwerkstatt จาก Pixabay /รูปที่ 3 โดย Buakhow(ผู้เขียน) /รูปที่ 4 โดยSylwiaApcaty จาก Pixabay /รูปที่ 5 โดย Buakhow(ผู้เขียน)