ความเหนื่อยล้าและระดับพลังงานต่ำระหว่างวันเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกวัย เป็นปัญหาที่ทำให้การทำงานหรือทำกิจกรรมประจำวันเป็นเรื่องยาก ก็เมื่อหมดแรงแล้วก็ไม่อยากทำอะไรต่ออีก ครั้นจะทิ้งไปก็ทำไม่ได้ แต่จะให้ทำต่อก็ต้องถอนให้หายใจกันเลยทีเดียว แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข มีทั้งวิธีเร่งด่วนที่ให้คุณสามารถเติมพลังงานให้ร่างกายไปต่อได้จนจบวัน และดูแลตัวเองเพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉงได้ทั้งวันอย่างยั่งยืน Photo by Kourosh Qaffari from Pexels เพิ่มพลังแบบเร่งด่วน ทำโยคะ การทำโยคะช่วยเพิ่มระดับพลังงานของคุณได้ ทำท่าเริ่มต้นง่าย ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ยืดตัวสักหน่อยระหว่างที่กำลังตึงเครียด เป็ฯวิธีช่วยเพิ่มพลังในระหว่างวันได้ดีทีเดียว หายใจลึก ๆ การหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ สามารถเพอ่มระกับพลังงานและช่วยให้คุณรู็สึกตื่นตัวมากขึ้น ลองนั่งหรือนอนราบแล้วหายใจเข้าช้า ๆ ทางจมูกและหายใจออกทางปาก นับ 1-5 ในแต่ละจังหวะการหายใจ นั่งตัวตรง หากกำลังรู้สึกว่ากำลังหมดพลังระหว่างทำงาน ให้ลองสังเกตท่าทางการนั่งของตัวเอง เพราะว่าการเคลื่อนไหวทางกายและสภาวะทางจิตใจนั้นเชื่อมโยงกัน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าท่านั่งของคุณส่งผลต่อความรู้สึกเฉื่อยชาที่เป็นอยู่ ให้พยายามนั่งหลังตรงระหว่างทำงาน มันช่วยได้จริง ๆ นะ ร้องเพลง การร้องเพลงช่วยเพิ่มระดับพลังงานของคุณได้ในไม่กี่นาที หากคุณกำลังต้องการบูทพลังให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว เป็นเพลงที่ชอบด้วยยิ่งดี หากเต้นได้ด้วยจะดีมาก เป็นการปลดปล่อย ให้อารมร์เดียวกันกับการตะโกนบนยอดเขานั่นแหล่ะ ออกไปเดินเล่น หากรู้สึกเพลียมาก ๆ ให้ลองออกไปเดินเล่นข้างนอกสัก 10-15 นาที อยู่ที่ไหนก็เดินไปรอบ ๆ บริเวณนั้น เดินเรื่อยเปื่อยมองดูผู้คน และสิ่งแวดล้อม อาจเพิ่มความสุนทรีย์ด้วยการฟังเพลงไปด้วยก็ดีอีกแบบ Photo by bruce mars from Pexels ปรับปรุงการกินเพื่อเพิ่มพลังงาน เติมน้ำให้ร่างกายอย่างเพียงพอ การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อวันทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ ซึ่งทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ดั้งนั้นเพื่อให้ร่างกายสดชื่นได้ตลอดวัน คุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน แต่ถ้าหากคุณออกกำลังกายหรืออยู่ในสถานที่ที่ร้อนจนเหงื่อออกมากกว่าปกติ ก็ให้ดื่มน้ำมากกว่านั้น กินอาหารเช้า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญในการเติมพลังงานให้แก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายตื่นตัวและกระตุ้นระบบการเผาผลาญ และเป็นการป้องกันไม่ให้คุณหิวโหยจนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าระหว่างวันด้วย แต่ควรระวังอาหารเช้าที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ที่แค่ช่วยเพิ่มพลังงานในระยะสั้น แต่หลังจากนั้นจะทำให้ระดับน้ำตาลคุณต่ำตามมา ตัวเลือกอาหารเช้าที่ดีได้แก่ ขนมปังโฮลวีตกับเนยถั่ว, ผลไม้, แครอท, ข้าวต้ม, โยเกิร์ตไม่มีน้ำตาล, ไข่ต้ม, ข้าวกล้องต้ม กินอาหารที่มีโปรตีนสูง การกินอาหารและของขบเคี้ยวที่มีโปรตีนสูงจะทำให้คุณมีแรงอยู่ได้ทั้งวัน แหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพสำหรับเติมพลังงานให้ร่างกายอย่างเพียงพอ ได้แก่ สัตว์ปีก, ปลา, เนื้อแดง, ไข่, ถั่ว, นม, ผลิตภัณฑ์จากนม, เต้าหู้ กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ผักและผลไม้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนและดูดซึมง่าย ปริมาณน้ำตาลตามธรรมชาติในผักและผลไม้สามารถเพิ่มระดับพลังงานให้ร่างกายโดยไม่ทำให้พลังงานลดลงอย่างฉับพลันเหมือนการกินขนมหวานหรือเครื่องดื่มช่วยเพิ่มพลังงานต่าง ๆ เพราะไฟเบอร์จะปล่อยพลังงานในอัตราที่ช้าและสม่ำเสมอ ไม่เหมือนกับคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยให้คุณมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน กินไขมันดี เพื่อเพิ่มพลังงานสำรอง ร่างกายของคนเราจะใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานในขณะที่ร่างกายเริ่มมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่ไขมันมีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี ดังนั้นจึงต้องเลือกไขมันดีเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกายในภายหลัง แหล่งไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ อาหารทะเล โดยเฉพาะปลาทะเล, ถั่วต่าง ๆ, อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, น้ำมันงา, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันเมล็ดองุ่น และอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอีกหลายอย่างก็สามารถเติมไขมันดีให้ร่างกายได้หมด Photo by Kira Schwarz from Pexels เปลี่ยนชีวิตเพื่อเพิ่มพลังงาน นอนให้เพียงพอ ในขณะนอนร่างกายเราจะซ่อมแซมตัวเอง เพื่อจะได้ตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน แต่หากคุณอดหลับอดนอนจะทำให้ร่างกายไม่สามารถชาร์จพลังงานให้เซลล์สมองและร่างกายได้อย่างเต็มที่ เหมือนโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตไม่เต็มก็ย่อมหมดไวเป็นธรรมดา งีบสักพักระหว่างวัน หากคุณนอนไม่เพียงพอ การงีบหลับระหว่างวันประมาณ 20-30 นาที จะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น โดยไม่รบกวนการนอนหลับตอนกลางคืน หากเป็นในที่ทำงานการงีบหลับอาจจะยาก เพื่อไม่ให้รบกวนเวลางานคุณอาจรีบกินข้าวกลางวันให้ไวขึ้นแล้วใช้เวลานั้นในการงีบสักพัก ออกกำลังกายมากขึ้น การออกกำลังกายจะช่วยให้เรามีพลังและทำให้เกิดความเหนื่อยล้าด้วย เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉงได้ตลอดวันเราควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้หัวใจและปอดทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นด้วย Photo by Nathan Cowley from Pexels ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการขาดพลังงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ไม่ควรปล่อยไว้นานจนกลายเป็นอาการเรื้อรัง แล้วสุดท้ายก็เจ็บป่วย พอถึงตอนนั้นก็แก้ยากแล้วล่ะ Cover Photo by Miguel Bruna on Unsplash