ครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน โดยเฉพาะครอบครัวที่เป็นสังคมขยายแบบครอบครัวไทย ที่สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูก อาจจะลูกหลายคน รวมถึงญาติ ๆ ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้ เราต้องมีวิธีรับมือกับการใช้ชีวิตในหลาย ๆ เรื่อง เพราะต่างคนก็ต่างจิตต่างใจ แต่ละคนมีวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ใหญ่ หรือสมาชิกในครอบครัว ควรจะช่วยดูแลซึ่งกันและกัน และหากวันหนึ่งเราพบว่ามีสมาชิกในครอบครัวของเราที่ "กินจุกจิก" อย่าง "ผิดปกติ" และเราสามารถเข้าใจสถานการณ์ในชีวิตเขาได้ว่า เป็นเพราะ "ความเครียด" เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะมี "วิธีรับมือการกินจุกจิกเพราะความเครียด" กันอย่างไร"ความเครียด" เป็นสิ่งที่แทรกอยู่ในความรู้สึกอื่น ๆ ในชีวิตเรา สุข ทุกข์ เศร้า ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน เราก็จะรู้สึกเครียดอยู่เป็นระยะ ๆ ขณะที่มีความสุขอยู่กับการนั่งกินข้าวอยู่กับสมาชิกในครอบครัว อยู่ ๆ ใจก็เครียด ก็กังวลขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าลูกอีกคน หรือสมาชิกอีกคนของบ้านยังกลับมาไม่ถึง ทั้ง ๆ ที่เลยเวลากลับบ้านมานานแล้ว ความเครียด ความกังวลนั้นจะหายไป เมื่อสามารถติดต่อกันได้ว่ายังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะอะไร หรือจนกว่าสมาชิกคนนั้นจะกลับมาถึงบ้านแล้ว ความรู้สึกเครียดก็จะหายไป เมื่อเรารู้สึกได้ว่าทุกคนในบ้าน อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างปลอดภัย แต่หลังจากนั้นก็จะมีเรื่องใหม่ ๆ เข้ามาให้รู้สึกเครียดอยู่เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีพื้นฐานชอบกังวลไปเสียทุกเรื่องบ่อยครั้งที่ผู้เขียนสังเกต การกินอาหารของสมาชิกในครอบครัว เพราะท่าทีการกินอาหารบอกเราได้หลายอย่าง โดยที่ผู้ที่เราเห็นไม่ต้องเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกว่ากำลังเครียด กำลังมีปัญหาอะไรอยู่ในใจ หรือว่ากำลังจะทำอะไรต่อไป อาทิ- บางคนรีบกินข้าว ถ้าเราเหลือบดูเวลา ก็จะเห็นว่าสายแล้ว ต้องรีบกิน รีบไป- บางคนกินข้าวน้อยลง หลังจากที่เราเห็นว่าถ้าเดินผ่านเครื่องชั่งน้ำหนัก ที่วางอยู่มุมห้องเมื่อไหร่ จะต้องเดินไปช่างน้ำหนักทุกครั้ง - บางคนนั่งกินไปเหม่อไป อย่างคนมีเรื่องราวอยู่ในใจ แล้วคิดไม่ตก- บางคนกินข้าวไปแค่ 2-3 คำ ก็บอกอิ่มแล้ว- บางคนนั่งกินไปเรื่อย ๆ ยิ่งถ้าเป็นขนมประเภทขบเคี้ยว อาหารกินเล่น พวกของทอดทั้งหลายที่เคี้ยวได้เพลิน ๆ ก็นั่งกินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง หากว่าขนมยังไม่หมด และสิ่งที่เห็นคือกินเหมือนคนไม่ได้ใส่ใจว่าอร่อยหรือเปล่า สิ่งที่เขาทำคือ...กิน ๆ เข้าไปการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคน ส่งผลให้ "ความเครียด" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดนทั่วไปที่ผู้เขียนเคยเห็นจากคนในครอบครัวคือเมื่อใครเครียด มักจะกินอะไรกันไม่ค่อยลง ใจหมกหมุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่ตัวเองเครียด จนส่งผลให้ไม่อยากกินอาหาร แต่เมื่อเริ่มคลายความเครียดลงได้ก็จะเริ่มหิว และกลับมากินอาหารอีกครั้ง อย่างเป็นปกติแต่สำหรับคนที่เครียดมาก ๆ จะกินมากขึ้นกว่าปกติ บางคนกินขนม บางคนอยากกินอะไรหวาน ๆ เพราะรู้สึกว่าการกินของหวานทำให้สดชื่นขึ้น แต่เมื่อกินมาก ๆ ก็เริ่มติดเป็นนิสัย กลายเป็นคนกินจุกจิก มีเรื่องเครียด ๆ เกิดขึ้นในใจเมื่อไหร่เป็นต้องกิน บางคนไม่ระวังว่าจะทำให้อ้วนได้ มารู้ตัวอีกทีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนตัวเองตกใจวิธีรับมือการกินจุกจิกเพราะความเครียด- เมื่อรู้ตัวว่าเครียดแล้วกิน ก็ต้องหยุดซื้อขนม หรือของหวานติดบ้าน ติดตู้เย็นไว้ในปริมาณมาก ๆ และเปลี่ยนเป็นซื้อผลไม้เช่น ส้ม ฝรั่ง แอปเปิ้ล ฯลฯ ไว้แทน รู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อไหร่ เปิดตู้เย็นเจอผลไม้ก็ยังได้กินสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า- ความเครียดที่มาจากปัญหารอบตัว เป็นปัญหาที่มักจะค่อย ๆ สะสมเข้ามาอยู่ในใจของเรา เมื่อเก็บสะสมไว้มาก ๆ ก็ยิ่งทำให้ชีวิตเรายิ่งแย่ขึ้น ดังนั้นจะต้องสรุปให้ได้ว่าอะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข และค่อย ๆ แก้ไขจากสิ่งนั้น หากแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องหาที่ปรึกษา หาใครสักคนที่จะรับฟังปัญหาของเราได้- ความเครียดที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา หากปล่อยให้สะสมไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะทำให้ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของเราจะแย่ และก้าวไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งจะต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างตรงกับโรคที่เป็นมากที่สุด...ซึ่งบางครั้งตัวคนเครียดเองไม่ได้สังเกตตัวเองในเรื่องนี้ ที่จะสังเกตเห็นได้ก็คือคนในครอบครัวของเรา "วิธีรับมือการกินจุกจิกเพราะความเครียด" สำหรับสมาชิกในครอบครัวนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป เราแค่คอยสังเกตท่าทีของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนว่าเมื่อมีความเครียดแล้วเป็นอย่างไร กินมากไปไหม กินน้อยไปไหม และเมื่อเห็นความผิดปกติจากการกินนั้น อย่างน้อยที่สุด เราก็สามารถประเมินสถานการณ์ชีวิตของเขาในเบื้องต้นได้ว่ากำลังมีปัญหาแน่ ๆ ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เรามองเห็น และมีโอกาสที่จะช่วยเหลือได้ อย่างน้อยก็คือการเป็นผู้ฟังที่ดี ให้คนในครอบครัวที่มีความเครียด ได้ระบายความรู้สึกออกมาให้ฟัง... สิ่งที่ดีที่สุดในความเป็นครอบครัวก็คือ...การเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ขอบคุณภาพประกอบจาก Pixabay ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5