ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บัตรเครดิต เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราเกือบทุกคนอย่างมากโดยเฉพาะ มนุษย์เงินเดือน หรือแม้แต่เจ้าของกิจการ เพราะด้วยเรื่องของความสะดวกสบาย ใช้ก่อนผ่อนทีหลังนี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราผู้เขียนบทความนี้ โดยขอแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราและส่งผลต่อเราจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้บอกว่า บัตรเครดิต ไม่ดี ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ถ้าใช้เป็นใช้ถูกวิธี บัตรเครดิตจะตอบสนองการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่เป็นตัวเราเองที่จัดการมันไม่ดีพอ จึงทำให้มันเป็นข้อเสียทำร้ายชีวิตจนเสียศูนย์แรกเริ่มทำงาน เราเป็นพนักงานบริษัทในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ มีรายได้รวมในตอนนั้นประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน สำหรับวุฒิการศึกษาปริญญาตรี เมื่อเข้าทำงานใหม่ในใจนึกชื่นชม ที่เห็นพีที่ทำงานใช้จ่ายคล่องมือ โดยที่มีบัตรเครดิตไว้รูดใช้จ่ายสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองหลังจากเข้าทำงานได้ไม่นาน มีพนักงานจากสถาบันการเงินมาแนะนำบัตรเครดิต ซึ่งมันตอบโจทย์เรามาก เพราะเราต้องการมัน จึงตัดสินใจสมัครในทันที เราสมัครทุกที่ที่เข้ามาแนะนำ และมันเหลือเชื่อมาก เพราะทำผ่านทุกสถาบัน เราก็ใช้บัตรเครดิต รูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ โดยไม่คิด ที่จริงเราก็คิดว่าเราเองจัดการได้ ใช้เวลา 4 ปี จนในที่สุดวงเงินบัตรเครดิตเราเต็มทุกบัตร และจบที่หนี้ท่วมหัวหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล ภาระรวมทั้งสิ้นเกือบ 0.7 ล้านบาทหนี้บ้าน และงวดรถ รวมกัน ประมาณ 1.8 ล้านบาทปัจจุบันมีรายได้ ประมาณ 20,000 บาท ถามว่ารายได้พอใช้ไหมคำตอบคือ ไม่ในที่สุดเราสำนึกได้แล้วว่า การใช้ชีวิต และระบบการจัดการเงินของเราล้มเหลว การเงินติดลบ จากการใช้จ่ายบัตรเครดิต หมุนบัตรนั้นเพื่อไปจ่ายบัตรนี้ ภาวะเงินขาดมือถึงขั้นหยิบยืมจากเพื่อนร่วมงาน ไม่มีแม้แต่เงินจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แย่ที่สุดคือไม่มีเงินให้พ่อกับแม่แค่เดือนละ 500 บาท ยังไม่สามารถให้ได้ ในตอนนั้น เสียใจและผิดหวังกับตัวเองมาก ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่เราโชคดีมากๆ ที่ยังมีคนที่รักและคอยเป็นห่วงเรา วันนั้นหลังเลิกงาน แม่โทรมาถามว่า “เลิกงานยัง กินข้าวยังลูก” “เป็นไงบ้าง” มันจุกในอก เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก็พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น ตอบกลับไปว่า “เลิกงานแล้ว สบายดีค่ะ" เราได้สติในตอนนั้นเอง ว่าการร้องไห้ฟูมฟาย มันไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ตัดสินใจทำหลังจากนั้นคือข้อแรก หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการจัดการกับหนี้บัตรเครดิต ซึ่งเราเข้าไปอ่านเยอะมากๆ และสะดุดเข้ากับคำแนะนำหนึ่งซึ่งเราจำไม่ได้ว่าอ่านมากจากบทความของใคร เขาแนะนำว่าให้ หยุดจ่าย ใช่ หยุดจ่ายไปเลย ไม่ใช่ว่าจะไม่จ่ายหนี้ แต่มันไม่มีเงินจ่าย เริ่มข้อแรกเราก็กังวลแล้ว เพราะเราเป็นคนหน้าบางมาก เรากลัวเพื่อนร่วมงานว่า เราไม่อยากถูกทวงหนี้ เราอาย และเรากลัวเสียเครดิตบูโร แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็หยุดจ่ายจริงๆ เพราะเราไม่มีเงินข้อสอง ลดรายจ่าย เรากลับมานั่งวิเคราะห์ตัวเองว่าเราผิดพลาดตรงไหน แล้วก็ได้คำตอบคือ เราชอบซื้อของใช้ที่ไม่จำเป็น จำพวก กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ซึ่งในห้องมีกระเป๋าหลายใบ รองเท้าหลายคู่ รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ตู้ไม่พอ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจหยุดซื้อ ซึ่งนี่เป็นการหักดิบเลยก็ว่าได้สำหรับนักช็อปตัวยงอย่างเราข้อสาม เพิ่มรายได้ ที่ใกล้ตัวและทำง่ายที่สุดคือ ขายของ ขายดีมากๆ โดยเฉพาะ “ทองคำ” และเราเริ่มทำงานเสริมอีกหลายอย่าง มาดูกันเลยค่ะขายเสื้อผ้ามือ 2 ของตัวเอง ราคา เริ่มตั้งแต่ 20-70 บาท ในวันแรกที่ไปขาย เราสนุกมาก เราคิดว่า ‘รวยแล้ว’ เพราะขายดีมาก ปัจจุบันเรายังขายอยู่แต่นานๆ ที เพราะเราไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้าใหม่ เสื้อผ้าเลยไม่ค่อยมีขาย เราค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าอะไรที่สามารถทำเงินได้โดยใช้เวลาทำที่ห้องหลังเลิกงานได้ และเราก็เจอการพูดถึงการออกแบบสติกเกอร์ไลน์ฟรี ที่สำคัญทำเงินได้มากถ้ามีคนมาซื้อของเราใช้ จึงได้ตัดสินใจใช้ความรู้ งูๆ ปลาๆ ที่หลงเหลืออยู่จากการเรียนวิชาเลือกในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ประกอบกับชอบวาดภาพเป็นทุนเดิม ออกแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ มาดูกันเลยค่ะว่าจะน่าใช้แค่ไหน (ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว เนื่องจากคอมพิวเตอร์พัง) ระหว่างที่ทำสติ๊กเกอร์ไลน์ เราก็คิดว่าต้องทำอะไรอีกซักอย่าง ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต สนใจอาชีพหนึ่งที่เค้าบอกว่าทำเงินได้มากเหมือนกัน นั่นคือการขายภาพถ่าย และเราก็เริ่มมันเลยในวันถัดมา ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ เจออะไรก็ถ่าย แล้วมาเลือกที่ตัวเองคิดว่าสวยลงไปขายแข่งกับนักถ่ายภาพท่านอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีคนซื้อบ้าง มาชมตัวอย่างผลงานกันค่ะ ปัจจุบันอาชีพเสริมที่ทำเงินให้เรามากกว่าอาชีพเสริมอื่นถึงแม้จะใช้เวลานานในการทำนั่นคือการวาดภาพขายในเพจซื้อขายประมูลภาพออนไลน์ ด้วยระดับฝีมือที่ ถือว่ายังไม่เก่งสามารถขายได้ตั้งแต่ 150-500 บาท สำหรับเราถือว่าวิเศษมากไม่คิดว่าภาพเราจะขายได้จริงๆ มาชมตัวอย่างผลงานกันค่ะปัจจุบันถึงแม้ว่าหนี้จะยังไม่หมด แต่อย่างน้อยก็ลดลงไป ในตอนนี้หนี้บัตรเครดิตเหลือ ประมาณ 0.5 ล้านบาท หนี้บ้าน หนี้รถ เหลือรวมประมาณ 1.6 ล้านบาทท้ายที่สุดเราเชื่อว่าความพยายามจะไม่ทรยศความสำเร็จ และขอแค่เรามีสติ เราจะต้องจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างแน่นอนภาพปกขอบคุณภาพจาก pixabay.com/ภาพประกอบที่ 1 ขอบคุณภาพจาก pixabay/ภาพประกอบที่ 2 ขอบคุณภาพจาก pixabay/ภาพประกอบที่ 3 ภาพโดยเขียน/ภาพประกอบที่ 4 ภาพโดยผู้เขียน/ภาพประกอบที่ 5 ภาพโดยผู้เขียน