การถูกดุเพียงอย่างเดียวนอกจากจะไม่ช่วย ลูกน้องพัฒนาแล้ว ยังทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่แย่ลงด้วย บางคนถึงกับไม่มาทำงานเลยก็มี คนกลับไปร้องไห้ในห้องน้ำก็มี การถูกตำหนิที่ดีต้องเป็นการให้คำแนะนำ พูดให้คิด ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวและลงมือจัดการปัญหา เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม นำไปสู่การพัฒนาตนเอง ไม่ใช่การใส่อารมณ์ลงไปการบ่นนั้นไม่เรียกว่าการตำหนิ เป็นการะบายอารมณ์ขุ่นเคืองของเราเองที่ไม่มีประโยชน์อะไรสิ่งสำคัญคือการชี้ประเด็นที่ต้องการให้อีกฝ่ายปรับปรุงให้ชัดเจนอีกทีหนึ่ง การดุที่ดีคือการชี้ประเด็นที่ต้องการให้ชัดเจน ตัวอย่างนี้ดีมากกว่าการพูดว่าทางบริษัทขาดทุนตั้งร้อยล้าน รับผิดชอบยังไง อันนี้เป็นการกระทำนั้นไม่ช่วยอะไร ควรปรับเป็น เพราะผมติดต่อลูกค้าน้อยเกินไปหรือเปล่า แบบนี้คนไม่รู้สึกตัวและก็ไม่ได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นการดุต้องระบุให้เห็นว่าเขาต้องทำไงต่อ ก็ต้องเป็นลักษณะของการชี้ประเด็นแบบนี้ แม้ว่าเราจะเรียนรู้วิธีดุแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ เช่น ลูกน้องที่เพิ่งเข้าทำงานเมื่อวานเป็นวันแรก พนักงานเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ไม่มีความรู้เรื่องของในสต๊อกแล้วไปดุเขาเรื่องนี้เนี่ยก็อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์เพราะว่า การดุและถูกดุแล้วจะไม่เป็นการสร้างที่บาดหมางต่อกันสิ่งสำคัญที่หัวหน้าควรมีต่อลูกน้องคือความรัก แบบพ่อมีให้ลูก เห็นลูกไม่โตเลยต้องกล่าวว่าตักเตือน อบากให้อีกฝ่ายหนึ่งโตขึ้น ก้าวหน้า และพัฒนาในอนาคต อยากให้อีกฝ่ายหนึ่ง ได้สร้างประโยชน์ให้บริษัทและสิ่งที่ลูกน้องพึงมีต่อหัวหน้าก็คือความเคารพนับถือ หากลูกน้องไม่นับถือต่อตัวหัวหน้าแล้วเนี่ย เวลาถูกดุก็จะเกิดความรู้สึกต่อต้าน ว่าจะบ่นอะไรนักหนา น่ารำคาญดังนั้น การดุและถูกดุที่ได้ผลจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่เคารพซึ่งกันและกันความรักที่แข็งแกร่งแบบพ่อกับลูกขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 โดย truthseeker08