เพียง 3 สัปดาห์หลังจากพบผู้ติดเชื้อในประเทศอิตาลีคนแรกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2563 เป็นเวลาทั้งสิ้น 24 วัน ภายในประเทศอิตาลีมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เวลาใน 24 วันทำให้ประเทศอิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดรองจากประเทศจีน ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 15,000 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คน จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจของอิตาลีถดถอยลงไปอีกหลายปี และเพื่อเป็นการลดการพี่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้นำประเทศของอิตาลีได้สั่งให้ปิดประเทศ กิจการร้านค้าและให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เพราะนี่นับเป็นวกฤตขั้นรุนแรงที่สุดเท่าที่อิตาลีเคยพบเจอ และเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมากเพียงแค่ 24 วันทำให้อิตาลีมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุดในโลกหากไม่นับรวมประเทศจีน สาเหตุที่ทำให้อิตาลีเข้าสู่ปัญหานี้... ข้อที่ 1 คือการสวมใส่หน้ากากอนามัย ประชาชนชาวอิตาลีนั้นมีความเชื่อว่าการใส่หน้ากากอนามัยคือผู้ป่วย มองดูน่าขยะแขยง เป็นผู้ป่วย เป็นผู้ติดเชื้อและความเชื่อนี้ทำชาวอิตาลีไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย และเมื่อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ประเทศอิตาลี จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วเพราะชาวอิตาลีไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ ข้อที่ 2 คือวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน ชาวอิตาลีชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบการอยู่รวมกัน ดังนั้นหากมีหนึ่งในนั้นเป็นผู้ติดเชื้อการแพร่กระจายของเชื้อจะเป็นไปอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น ข้อที่ 3 วัฒนธรรมการทักทายของชาวยุโรปและชาวอิตาลีคือการจับมือ การกอด การสัมผัสตัวดังนั้นการแพร่การจายเชื้อการคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งถือว่าง่ายมากเลยที่เดียว และข้อที่ 4 คือการรู้สึกว่ามันไม่สำคัญเพราะภูมิประเทศที่ห่างไกลจากแหล่งกำเนิดเชื้อไวรัสทำให้ชาวอิตาลีคิดว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในประเทศ ทำให้ไม่มีการวางแผนการป้องกันเมื่อเกิดปัญหา ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีของอิตาลีสั่งปิดประเทศไปแล้วการแก้ปัญหาของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในเบื้องต้นคือห้ามให้ประชาชนออกจากบ้าน ห้ามจัดงานพิธีใด ๆ ทั้งสิ้น และเปลี่ยนวัฒนธรรมจากการกอดการจับมือเป็นการไหว้แทน