วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก โดยคำว่าเบญจมบพิตร หมายความว่าวัดของเจ้านายห้าพระองค์ นั่นเป็นเพราะวันนี้ได้ถูกปฏิสังขรณ์จากเจ้านายทั้ง 5 พระองค์ ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ล พระองค์เจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทินกร กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงวงศ์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล โดยสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดนั่นก็คือพระอุโบสถนั้นเองค่ะ เนื่องจากพระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นจากหินอ่อนจากประเทศอิตาลี นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันในนาม "The Marble Temple" โดยช่างที่ได้มาทำการดูแลควบคุมงานของอุโบสถแห่งนี้ก็เป็นช่างชาวยุโรป ซึ่งมีหลักฐานการจ่ายเงินเดือน ในสมัยนั้นเพียงแค่เดือนละ 30 ปอนด์เท่านั้นเองค่ะ เมื่อเข้ามาภายในบริเวณอุโบสถสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายที่ได้จากหินอ่อน กับความเงียบสงบ ทำให้ที่นี่มันจะมีผู้คนเข้ามานั่งสมาธิอยู่เสมอ นอกจากนี้พระประธานในโบสถ์ก็ยังมีความสำคัญ และมีความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าพระพุทธรูป ประธานในโบสถ์เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธชินราชจำลอง ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และลงรักปิดทอง โดยช่างชาวญี่ปุ่น นอกจากนั้นต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 จึงทรงให้มีการแก้ไข รัตนบัลลังก์เพิ่มเติมให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เมื่อออกมาจากอุโบสถแล้ว เดินมาทางด้านหลังก็จะพบกับระเบียงที่จะเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูป จากศิลปะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปแบบญี่ปุ่นพระพุทธรูปสมัยศรีลังกา หรือพระพุทธรูปศิลปะแบบของให้เราได้กราบไหว้กัน เมื่อมาถึงจุดกึ่งกลางของพระระเบียงเราก็จะพบกับสถานที่ที่เป็นไฮไลท์แล้วมีผู้คนมักจะมาถ่ายรูปกันนั่นก็คือด้านหลังของพระอุโบสถนั้นเองค่ะเมื่อมองออกไปจากทางระเบียงพระแล้วเราจะเห็นพระอุโบสถจากทางด้านหลังที่สวยงาม ประตูด้านทะเบียนเป็นงานให้กับพระอุโบสถได้เป็นอย่างดีจึงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปมาฝากให้ทุกคนได้ดูกันค่ะ เมื่อเดินออกมาจากพระอุโบสถเราจะเห็นกับสะพานไม้สีแดงสวยงามบริเวณด้านข้าง สะพานแห่งนี้ถูกเรียกว่าสะพานงา เนื่องจากสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากค่างาช้าง ซึ่งพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวง ดำรงราชานุภาพทรงถวายให้ หลังจากที่ขายงาช้างได้นั่นเองค่ะ รอบบริเวณวัดแห่งนี้ก็จะร่มรื่นไปด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่และความเย็นสบายจาก คูน้ำเล็ก ๆ ให้เราได้ค่อย ๆ เดินเล่นได้อย่างไม่เบื่อ หากเดินมาอีกนิดไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วก็จะคบกับหอระฆังหากเดินไปอีกนิดไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วก็จะพบกับหอระฆัง ที่ตั้งเด่นสะดุดตา และยังมี ศาลาเล็ก ๆ เที่ยวไปเก็บกลองยาวขนาดยาวมากจริง ๆ ค่ะ ไม่ไปถ่ายรูปเล่นกันได้ Google Map : https://g.co/kgs/2dpXCG เวลา : 08:00 น ถึง 5:30 น ค่าเข้าชม : คนไทยไม่เสียค่าใช้จ่าย ชาวต่างชาติ 20 บาท