สวัสดีครับท่านนักเที่ยวสายบุญทั้งหลายวันนี้ผู้เขียนมีวัดอีกวัดหนึ่งที่น่าเที่ยวชม และเข้ากราบสักการะขอพรมาก ๆ ครับเพราะเป็นวัดที่มีพุทธศิลป์ไม่ว่าจะเป็นพระวิหาร ถาวรวัตถุทางศาสนาสวยงามมากไม่แพ้ที่ใดเลยก็ว่าได้ถือว่าเป็นวัดอีกแห่งหนึ่งที่เมื่อใครก็ตามเดินทางมายังจังหวัดลำพูน ท่านจะรู้สึกว่าพลาดอย่างแรงถ้าไม่ได้เที่ยวชม....หรือจะรู้สึกว่ามาไม่ถึงจังหวัดลำพูนเอาหละครับมาดูกันว่าสถานที่ที่ว่านี้คือที่ใด และมีความน่าสนใจอย่างไร สถานที่ที่ว่านี้คือ "วัดสันป่ายางหลวง" ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เอาหละครับ..มาดูกันว่าภายในวัดมีจุดที่น่าสนใจอะไรบ้าง จุดที่หนึ่ง เมื่อท่านเข้ามายังบริเวณเขตพุทธาวาสจุดสะดุดตาสิ่งแรกคือ ระฆังหลวงครับ ("หลวง" ภาษาถิ่นเหนือหมายถึงใหญ่) เป็นระฆังใบใหญ่ที่แขวนอยู่ในซุ้ม และบริเวณโดยรอบระฆังจะมีรูปปั้นช้างคู่สีขาวขนาบซ้าย-ขวา มีโขงประตูสีขาวเป็นซุ้มเล็กซ้าย-ขวามีระฆังใบเล็กอยู่ภายในซุ้ม และบริเวณหน้าซุ้มที่ว่านี้จะมีรูปปั้นเทพนมองค์สีขาวยืนเด่นสง่า..ดูแปลกตาไปอีกแบบ จุดที่สอง หน้าพระวิหารทองตรงนี้จะมีจุดที่น่าสนใจ (ตื่นตาตื่นใจ) เพราะจะมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์นั่งอยู่บนนาคขดเจ็ดเศียร และบริเวณโดยรอบจะทำลักษณะเหมือนบ่อมีรูปปั้นนูนต่ำ 12 นักษัตรล้อมรอบ และบริเวณขอบด้านบนบ่อจะมีรูปปั้นคชสีห์ยืนรายรอบบ่อที่แปลกและพิเศษคือหัวของราชสีห์แต่ละตัวจะมีงวงเหมือนช้าง...(คช แปลว่า ช้าง) และบริเวณหน้าพระวิหารยังมีรูปปั้นพญาคราชแผ่พังพาน ผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สำหรับความเชื่อในเรื่องของพญานาคที่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนานี้คือ ตามพุทธประวัติเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และได้เสวยวิมุตติสุขเป็นเวลา 7 วัน ใต้ต้นศรีมหาโพธิได้มีพญานาคนามว่ามุจรินทร์ได้แผ่งพังพานบดบังลม ฝน แดด และแมลงไม่ให้มากระทบหรือระคายเคืองพระวรกาย ดังนี้ชาวพุทธเราจึงมีความเชื่อว่านาคเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกปัก รักษา ดูแลพระพุทธศาสนา เป็นต้น จุดที่สาม ภายในบริเวณพระวิหารเมื่อท่านได้เข้าไปสู่บริเวณภายในพระวิหารท่านจะพบกับพระประธานองค์สีทองซึ่งประดิษฐานอยู่ในซุ้มโขง (มีลักษณะเหมือนประตู) มีพุทธลักษณะที่สวยงาม นอกจากนี้ภายในพระวิหารแห่งนี้ยังมีพระเครื่องสกุลลำพูน เท่าที่ผู้เขียนทราบได้แก่ พระรอด พระเปิม พระคง พระสาม พระสิบสอง พระเลี่ยม พระลือ พระบาง เป็นต้น ทางวัดได้จัดนำมาใส่กรอบเพื่อจัดแสดงแก่ผู้ที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมสวยงามมาก (จุดนี้น่าจะเหมาะแก่เซียนพระผู้ที่ชื่นชอบพระเครื่อง...อิอิ) นอกจากนี้ยังมีตู้จัดแสดงพระพุทธรูปบูชาให้ชมอีกด้วยจากการคะเนด้วยสายตาของผู้เขียนว่าแต่ละองค์น่าจะมีอายุหลายร้อยปี จุดที่สี่ รอยพระพุทธบาทจำลองเป็นรอยพระพุทธบาทที่ทางวัดได้จัดประดิษฐานไว้บริเวณด้านข้างศาลาอำนวยการโดยความเชื่อของชาวพุทธเชื่อว่ารอยพระพุทธบาทนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องให้ความนับถือเพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทับไว้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์ (นอกจากนี้จากตำนานความเชื่อของชาวพุทธเชื่อว่า พระพุทธองค์ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ในแม่น้ำนัมมทานทีซึ่งมีพระอุปคุตอรหันต์เจ้าได้เฝ้ารอยพระพุทธบาทนี้ไว้ จึงเป็นประเพณีทุกปีว่าเมื่อเราลอยกระทงก็เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคา และบูชารอยพระพุทธบาทรวมทั้งพระอุปคุตอรหันต์เจ้าอันนี้หละครับผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นกุศโลบายในการสร้างพระพุทธบาทจำลองขึ้นในละแห่ง... จุดที่ห้า พระวิหารหลวงซุ้มประตูชัยบรรจุพระเจ้าพันองค์ จุดนี้จะเป็นจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งครับที่ถือว่าสวยงามมากโดยเฉพาะก่อนเข้าพระวิหารจะมีการเดินลอดผ่านซุ้มประตูที่ทางวัดได้มีป้ายบอกไว้ว่าเป็นซุ้มประตูชัย และเชื่อว่าหากผ่านซุ้มนี้เพื่อขึ้นไปสู่พระวิหารแล้วจะพบแต่ความเป็นสิริมงคล พบแต่ความสุข ความเจริญ ภายในพระวิหารจะมีพระประธานองค์ใหญ่สีทองประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี และถัดลงมามีพระพุทธรูปองค์เล็กสีทองอีกสามองค์ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้า ด้านล่างจะมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ในอิริยาบถนั่งอยู่ด้านล่าง (ถัดจากพระพุทธรูปองค์เล็ก) พลาดไม่ได้นะครับมาแล้วต้องเข้ามากราบให้ได้ สำหรับพระวิหารนี้ชาวพุทธเราใช้เป็นที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาล งานบุญต่าง ๆ หรือแม้แต่กระทั่งการบวชสามเณรก็จะมีการประกอบพิธีในพระวิหาร (ต่างกับอุปสมบท เพราะจะทำกันที่พระอุโบสถเท่านั้น) นอกจากนี้ในสมัยก่อนพระวิหารยังเป็นแหล่งชุมนุมของชาวบ้านหากเมื่อมีเรื่องที่ต้องปรึกษากิจการอื่น ๆ ภายในหมู่บ้านหรือชุมชน อย่าลืมนะครับถ้ามีโอกาสผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเข้ามากราบขอพร เข้ามาเยี่ยมชมหรือเข้ามาทำบุญได้ตามความสะดวก ขอบอกเลยว่าหากท่านพลาดแล้วจะพูดได้คำเดียวว่า เสียดายจริง ๆ เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ....ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน ดร.อาบแสงจันทร์ ต.