วัดพระเกิ๊ด ตำนานที่ยังอยู่ วัดเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาและไว้สำหรับเป็นที่พึ่งทางจิตใจของใครหลาย ๆ คน ส่วนใหญ่แล้ว วัดจะอยู่บนพื้นที่ราบและใกล้กับถนนการคมนาคมสะดวกสบาย ที่เราพบเห็นโดยทั่วไป แต่สำหรับวัดแห่งนี้เดินทางจากถนนเชียงใหม่ – ฮอด มาเส้นทางถนนน้ำตกแม่ยะ เข้ามาทางหมู่บ้านน้ำลัด ประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบกับวัดแห่งนี้ ซึ่งมีชื่อว่า “วัดพระเกิ๊ด” เป็นวัดเก่าอีกแห่งของอำเภอจอมทอง จะมีตำนานพระพุทธเจ้ามาโปรดห้ามยักษ์ ซึ่งคำว่า “เกิ๊ด” เป็นภาษาเหนือ แปลว่า “ห้าม” นั่นเอง นั่นก็คือ ที่มาของวัดพระเกิ๊ด ซึ่งเป็นตำนาน “เมืองอังครัฏฐะ” หรือ เมืองจอมทอง ในปัจจุบันนั่นเองครับ เมื่อได้เข้ามาในบริเวณวัดแล้ว จะพบกับ หอระฆัง, กุฎิสงฆ์, ศาลาการเปรียญ แต่วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านมาชมวิวสวย ๆ บนจุดที่สูงที่สุดของวัดกันนะครับ โดยขึ้นมายังบันไดพญานาค ปลายสุดบันไดถือว่าสูงที่สุดละครับ นอกจากว่า ถ้าผู้อ่านบางท่านขึ้นบันไดพญานาคไม่ไหว ก็สามารถขี่รถหรือนั่งรถขึ้นมาได้ครับ สามารถขึ้นมาได้ทั้งสองทาง ทั้งทางบันไดถือเป็นการออกกำลังกายก็ดีนะครับ และอีกเส้นทางใกล้ ๆ กันจะเป็นทางถนนวนขึ้น จากข้างหลังวัดดอยพระเกิ๊ด เมื่อขึ้นมาแล้วอาจจะนั่งพักที่ศาลาข้างทางที่มีวิว ให้เราพักชมเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ เมื่อหายเหนื่อยแล้ว ก็จะพบกับวิวที่สวยงามจากบันไดพญานาค เมื่อมองลงไปปลายทางของพญานาคจะเป็นรูปปั้นของพระพุทธเจ้ามาโปรดห้ามยักษ์ พร้อมกับวิวสวย ๆ นั่นเองครับ ในสมัยเด็ก ๆ ตัวผมเองได้ศึกษาอยู่โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนใกล้ ๆ บ้าน ซึ่งในการเดินทางไกลของลูกเสือในขณะนั้น ก็ได้เดินทางมายังวัดพระเกิ๊ดแห่งนี้ ระยะทางจากโรงเรียนมาถึงบริเวณวัดประมาณ 1 กิโลเมตร พอมาถึงวัดก็ได้ศึกษาเรียนรู้จากสถานที่แห่งนี้ แล้วนำหลักธรรมไปปฏิบัติ เมื่อโตขึ้นมาก็ไปเที่ยวที่วัดบ้างเป็นครั้งคราว เพราะว่าสวนลำไยที่ปลูกของผมนั้นจะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว จึงได้แวะเยี่ยมชมดูวิวทิวทัศน์จากมุมสูงของวัดบ้างก็ดีมีความสุขผ่อนคลายและรู้สึกร่มเย็นทางจิตใจด้วยสิครับท่านผู้อ่าน เป็นไงกันบ้างครับกับสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าไปและน่าค้นหาของอำเภอจอมทองของผมและของท่านผู้อ่าน ถ้าได้มาอำเภอจอมทองแล้วอย่าลืมมาเที่ยวชมและจะพบว่าของดีที่ควรมาท่องเที่ยว เพื่อมารับบุญด้วยกัน สร้างสมาธิทำจิตใจให้สงบผ่อนคลาย ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์แห่งเมืองจอมทองที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งนั้นก็คือ “วัดพระเกิ๊ด” นั่นเองครับผม เครดิตภาพ:สันติ แสนใจบาล