สวัสดีครับท่านนักเที่ยวสายบุญทั้งหลาย วันนี้ผู้เขียนมีเรื่องแบบวัด ๆ มานำเสนออีกแล้วครับท่าน รับรองว่าหากได้มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนครับ วัดนี้เป็นอีกวัดหนึ่งที่ผู้เขียนภูมิใจนำเสนอมาก ๆ เพราะเป็นวัดที่มีความสวยงามไม่แพ้วัดอื่น ๆ ในเขตพื้นที่อำเภอเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน วัดที่ว่านี้ตั้งอยู่ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ สวยงามมาก...ขอบอก ใครผ่านไปผ่านมาหากไม่ได้แวะ รับรองครับพูดได้คำเดียวว่า...เสียใจ และเสียดายมาก มาดูกันครับว่าวัดที่ผู้เขียนจะนำเสนอนี้ คือวัดอะไร? สำหรับวัดที่ว่านี้ คือ “วัดทุ่งหลวง” เป็นวัดที่สังกัดนิกายหินยาน ตั้งอยู่ตำบลทุ่งหลวง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ติดกับถนนสายหลักที่จะเดินทางไปยังวัดดอยแม่ปั๋ง ( หลวงปู่แหวน ) หาไม่ยากครับ วัดจะอยู่ติดกับถนน ( จุดสังเกตพระวิหารจะมีนกหัสดีลิงค์ ยืนเด่นตระหง่านอยู่สวยงามมาก ) ทีนี้มาดูกันครับว่าแต่ละจุดที่น่าสนใจ ที่ผู้เขียนอยากนำเสนอมีอะไรบ้าง จุดที่หนึ่ง เมื่อท่านเข้ามายังเขตบริเวณพุทธาวาส สิ่งแรกที่สะดุดตาที่สุด ท่านจะพบกับ "พระวิหารหลังใหญ่" ครับ เป็นพระวิหารสองชั้น แต่ความพิเศษของพระวิหารหลังนี้ คือ ด้านหน้าพระวิหารฝั่งซ้าย ( บันไดทางขึ้น ) จะมีนกหัสดีลิงค์ตัวใหญ่สีเงิน ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นอยู่ ฝั่งขวาจะมีนกหัสดีลิงค์ตัวใหญ่สีชมพู ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นอยู่ ตรงกลางจะมีนกยูงสีชมพูตัวใหญ่ยืนเด่นสง่าสวยงามชวนมอง และบันทึกภาพ ( จากที่ผู้เขียนทราบนกหัสดีลิงค์ = หัสดี แปลว่า ช้าง ลิงค์ หรือ ลึงค์ แปลว่า เครื่องหมายเพศชาย : ซึ่งนกนี้จะมีลักษณะหัวเป็นช้างพลาย ตัวเป็นนก ตามตำนานกล่าวว่า นกชนิดนี้จะอยู่ในป่าหิมพานต์ จะชอบกินมนุษย์ และสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร ตามประวัติความเชื่อทางภาคเหนือ จะใช้เป็นสัญลักษณ์ในพิธีการทางงานศพของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทางภาคเหนือ ( เท่าที่ผู้เขียนเคยพบเห็น และทราบ ) อ่อ... เมื่อท่านมาถึงแล้วยังสามารถเข้าไปกราบขอพรพระประธานในพระวิหารได้นะครับ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่าน และครอบครัว จุดที่สอง ลอดถ้ำพระราหู บริเวณจุดนี้จะสร้างเป็นรูปหน้าองค์พระราหูสีดำทำเป็นปล่องลอดเข้าไป ( ใต้พระวิหาร ) โดยจะไปออกทะลุอีกฝั่งหนึ่งของพระวิหาร ความเชื่อในการลอดถ้ำพระราหูนี้ เชื่อว่าจะเป็นการสะเดาะเคราะห์ สร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต ( ผู้เขียนแอบมีความเชื่อส่วนตัวว่าหากจะสะเดาะเคราะห์ได้จริง ต้องกลั้นหายใจแล้วเดินลอดเข้าไป หากสามารถกลั้นหายใจทะลุไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่ง รับรองเคราะห์ร้ายหายหมดเหลือแต่...เคราะห์ดี...อิอิ ) จุดที่สาม พระอุโบสถที่ทางวัดใช้ประกอบสังฆกรรม เช่น อุปสมบท สวดปาฏิโมกข์ เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ หน้าพระอุโบสถครับ จะมีรูปปั้นสีทอง ( ปริศนาธรรม ) อยู่สามอย่าง คือ ปิดตา ปิดปาก ปิดหู นั่นก็หมายถึง การสำรวจทวารทั้งสามที่รับเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารเข้ามาในชีวิต แต่สิ่งที่ยังเปิดอยู่ คือ เปิดใจ ( แหนะ...แอบเข้าถึงธรรมเล็ก ๆ ) จุดที่สี่ จุดสุดท้ายครับจะเป็นพระเจดีย์สีขาวทอง โดยด้านล่างจะเป็นเหมือนซุ้มประตูโขง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ มีนกยูงสีส้มยืนตระหง่านโดยรอบพระเจดีย์ ด้านบนพระเจดีย์จะเป็นสีทองทรงระฆังคว่ำ ปลายยอดบนสุดจะเป็นฉัตรสีทอง และบริเวณโดยรอบพระเจดีย์จะมีรูปปั้นนักษัตรทั้ง 12 ตั้งเรียงรายกันไป พระเจดีย์นี้ผู้เขียนทราบว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้ามาแล้วหากใครไม่ได้มากราบขอพร ขอความเป็นสิริมงคลของชีวิต ถือว่าพลาดอย่างแรง... เป็นไงหล่ะครับ...บอกได้คำเดียวว่า..แจ๋วที่สุด...ผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะนะครับ “วัดทุ่งหลวง” เป็นอีกวัดหนึ่งที่หากท่านพลาดแล้วจะต้องพบกับคำว่า...เสียดายจริง ๆ สำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ ขอตัวไปกราบพระก่อน....ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมด จากผู้เขียน ( ดร.อาบแสงจันทร์ ต. )