หลังจากที่โลกของเราต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ขณะนี้ได้สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิต สุขภาพร่างกาย ชีวิตความเป็นอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ที่นับได้ว่าเป็นความเสียหายครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก และกินเวลายาวนานร่วมครึ่งปีแล้ว ซึ่งหนึ่งในแนวทางการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ให้จางหายไปโดยเร็วก็คือ การผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดไวรัส COVID-19 ทั้งนี้นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดร้ายแรงนี้ หลายประเทศก็เริ่มดำเนินการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนาทั้งวัคซีนเพื่อป้องกัน รวมถึงการผลิตยาหรือกระบวนการเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้หายหรือคลี่คลายจากโรคโดยเร็ว ซึ่งหลายประเทศเริ่มเห็นแสงสว่าง หรือแนวทางในการป้องกัน รวมทั้งการรักษาโรคนี้ซึ่งจะต้องมีการทดลองและวิจัยต่อไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ในมนุษย์ ประเทศไทยของเราเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีวิวิฒนาการทางการแพทย์พอสมควร และเราก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำหลังดำเนินการศึกษาวิจัยและทดลองวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งล่าสุด เราก็เริ่มเห็นแสงสว่างในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เมื่อโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงความสำเร็จเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกัน COVID-19 โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยและศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงถึงความสำเร็จจากการทดลองล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่ขณะนี้ได้ทดลองใช้วัคซีนดัวกล่าวในลิง ซึ่งมีผลตอบรับค่อนข้างดี โดยลิงที่ได้รับวัคซีน (ซึ่งเป็นการฉีดเข็มที่ 2) มีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และไม่ปรากฏการได้รับเชื้อ COVID-19 วัคซีนชนิดนี้ผลิตจากสารพันธุกรรมซึ่งส่วนใหญ่มาจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งเมื่อถูกฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นโปรตีนเพื่อทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ ทั้งนี้เมื่อปรากฏผลการทดลองในลิง ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จแล้ว ในขั้นตอนหลังจากนี้จะเข้าสู่การเตรียมพร้อมเพื่อผลิตวัคซีนและทดลองใช้ในมนุษย์ (ที่เป็นอาสาสมัคร) ต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณในช่วงปลายปีนี้ ผลความสำเร็จจากการทดลองการผลิตวัคซีนในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่เรียกได้ว่าเป็นแสงสว่างให้ประชาชนได้พอเห็นทางออกและหลงเหลือความหวังว่า การแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ใกล้จะยุติและกำลังจะจางหายไปจากโลกในเร็ววัน อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก MDChulaFB ภาพประกอบจาก Unsplash ภาพหน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4 MGChulaFB ภาพที่ 2