ตามแผนที่วางไว้แต่แรก วันนี้จะต้องเดินทางไปที่สนามบินอาร์เดบิล เพื่อไปรอรับนักกีฬาที่เดินทางมาถึง อย่างที่ได้เล่าไปในตอนที่ 1 การเดินทางที่จะมาที่อาร์เดบิล ประเทศอิหร่าน เราบินจากสุวรรณภูมิ ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ถึงกรุงเตะหราน จากนั้นจะต้องรอไฟลท์จากเตหะราน เพื่อบินไปต่อที่อาร์เดบิล ซึ่งใช้เวลาบนเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง ผมเองได้เดินทางมาก่อนนักกีฬา 1 วัน ได้เดินดูหลาย ๆ อย่างของเมืองเขาบ้างแล้วนิดหน่อย เมืองที่เป็นที่ตั้งของสนามแข่งขัน วอลเลย์บอล U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2017 คือเมืองอาร์เดบิลครับ (Ardabil) คนท้องถิ่นก็จะออกเสียง อา-ดา-บิ๊น ตามสไตล์ของเขา ส่วนเมืองที่ผมพักอยู่นั้นคือเมืองซาเรย์น (Sareyn) ตอนแรกก็สงสัย เราลงเครื่องที่สนามบินอาร์เดบิล แต่ทำไมเวลาเราพักที่โรงแรมแล้วเช็คอินในเฟสบุค มันขึ้นอีกอย่าง พออยู่มา 3 วันก็เลยหายงงละครับ วอลเลย์บอลพาผมเปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่อิหร่าน (1) คือสนามแข่งขันจะตั้งอยู่ที่เมืองอาร์เดบิล แต่เนื่องด้วยที่นั่น โรงแรมที่พักไม่เพียงพอ ทำให้ผมเอง รวมถึงนักกีฬาทีมชาติไทย จะต้องย้ายมาพักที่เมืองใกล้ ๆ ก็คือ เมืองซาเรย์น แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ใกล้เลยนะ 555+ ผมลองดูจีพีเอส มันขึ้นมาว่าระยะห่างจาก อาร์เดบิล กับ ซาเรย์น คือ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางก็กว่า 40-50 นาที วันนี้เป็นวันที่จะต้องเริ่มทำงานกันจริง ๆ แต่ว่า การวางแผนในการทำงานมันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด เพราะเรายังไม่เห็นหน้างานเลยว่ามีอะไรบ้าง และสิ่งที่จะต้องเป็นห่วงที่สุดในการมาต่างประเทศนั่นคืออินเตอร์เน็ต นักกีฬาไทย จะเดินทางมาถึงสนามบินอาร์เดบิล เวลาประมาณเที่ยงของที่อิหร่าน ผมเองก็นัดกับพี่ ๆ ทีมงานที่เดินทางมาด้วยกัน 2 คน เอาไว้ว่าจะไปที่สนามบิน แต่พี่ทีมงานที่มาด้วยกันเขาจะต้องไปตรวจสนามแข่งขันก่อน เราออกเดินทางจากโรงแรมเกห์เว ซูยี ที่พัก ในเวลา 10.00 น. มีผม ลุงคนขับ อีกคนที่นั่งข้าง ๆ คนขับ มีซาร่า นักข่าวของ AVC ที่เป็นคนอิหร่าน และก็ผมรวมถึงพี่ทีมงานที่มาด้วยกันอีก 2 คน สภาพอากาศของอิหร่านในวันนั้นยังหนาวเหมือนเดิม อุณหภูมิอยู่ที่ 7 องศาเซลเซียส เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสนามแข่ง ชื่อสนามซาร่าอ่านให้ฟัง เธอบอกว่า เร-ซา-ซา-เด-สะ-ปอด-ฮอน (Rezazadeh Sport Hall) อยู่ในตัวเมืองอาร์เดบิล มีความจุ 6,000 ที่นั่ง แต่ผมเองไม่ได้เข้าไปในสนาม เพราะว่าตอนนั้นเวลาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว กลัวจะไปไม่ทันที่สนามบิน เมื่อส่งพี่ทีมงานที่มาด้วยกัน 2 คนที่สนามแล้ว ผมกับลุงคนขับ และซาร่า ก็เดินทางกันต่อ ขณะนั้นเวลา 11 โมงกว่า ๆ เกือบจะ 11 โมงครึ่ง ในใจก็กลัวไม่ทันนักกีฬาไทยเดินทางมา ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเราคือต้องไปส่งซาร่าที่โรงแรมอยู่กลางทะเลสาบอีก ทำให้ยิ่งกลัวเข้าไปกันใหญ่ ผมเองได้แต่เช็คระยะทางในจีพีเอสไปพลาง ๆ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่มันบอก ก็น่าจะใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมของซาร่า ไปสนามบินเป็นเวลา 30 นาที ก่อนที่จะส่งซาร่า และพาผมไปสนามบิน คือผมตั้งใจเอาไว้ว่า ให้ลุงคนขับไปส่งผมที่สนามบินเสร็จ แล้วให้ลุงแกกลับไปได้เลย ไม่ต้องรอ เพราะผมจะเดินทางกลับโรงแรมพร้อมกับทีมนักกีฬา ซึ่งลุงแกเองก็เป็นห่วงว่า ผมเข้าไปในสนามบินแล้ว จะอยู่ยังไง จะคุยกับใครรู้เรื่องไหม เพราะคนที่นี่ เขาก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เหมือนกันกับที่เมืองไทยเรารวมถึงตัวแกเองด้วย ซาร่าแนะนำว่าให้โหลดแอพฯ กูเกิล ทราน สเลต มาใช้ จะได้ง่ายต่อการสื่อสาร... พอเราออกเดินทาง ผมเองก็กลัวลุงแกเหงา เลยหาทางชวนคุย เลยถามแกว่า ลุงชื่ออะไรครับ แกบอกว่า โน ๆๆๆ โน อิงลิช ผมเองก็คิดว่า แกไม่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เลยถามว่า อิหร่าน โอนลี่? แกก็บอก เยส ๆ เอาจริง ๆ คือแกไม่รู้ว่าที่ถามไปน่ะแปลว่าอะไรต่างหาก เป็นดังที่ จีพีเอส บอก 30 นาทีให้หลัง เขาพาผมมาส่งที่สนามบิน ตอนนั้นเวลา 11.55 น. พอไปดูที่จอแสดงไฟลท์บิน เครื่องจากเตหะรานจะลงในเวลา 12.20 น. คือยังดีที่เราได้มารอก่อน ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่ผมมาถึง วันนี้มีเจ้าหน้าที่ของอาร์เดบิล รวมถึงนักข่าวมารอต้อนรับกันเยอะพอสมควร พอใกล้ถึงเวลาเครื่องลง ผมเองก็ไปยืนตั้งกล้องที่จะถ่ายรูปที่ตรง เจ้าหน้าที่ของสนาบินเห็น เลยให้เข้าไปรอตรงประตูทางออกพอดี เมื่อนักกีฬาลงเครื่อง รวมถึงถ่ายรูปเก็บภาพเรียบร้อย เราเดินทางกลับโรงแรมที่พักกันโดยรถบัสที่ทางฝ่ายจัดเตรียมไว้ให้ ขึ้นมาบนรถ ผมได้นั่งกับเลซอง (คนดูแลทีม) เป็นคนอิหร่าน คุยกันไปมา เหมือนจะถูกคอ เขาชื่อว่า ซาซาน (Sasan) เป็นคนอาร์เดบิล ซาซานบอกว่า ที่อาร์เดบิล เป็นบ้านเกิดของนักบอลในตำนานของทีมชาติอิหร่านอย่าง อาลี ดาอี ที่เป็นคนยิงประตูสูงสุดให้กับทีมชาติอิหร่าน ซาซาน เล่าเรื่องของเขาให้ฟัง รวมถึงเปิดรูปให้ดู เหมือนกับจะคลั่งไคล้อีตา ดาอี คนนี้มากจริง ๆ ซาซาน ถามว่า ผมพักที่ไหน ผมก็ตอบไปว่า "กาเว ซูยี" เขาก็ร้องอ๋อ และบอกผมอีกทีว่า ที่ถูกต้องอ่านว่า "เกห์เว ซูยี" (Gahve Suyi) ซาซานยังบอกถึงความหมายอีกว่า เกห์เว แปลว่า กาแฟ ส่วน ซูยี แปลว่า น้ำ เพราะที่โรงแรมเหมือนจะขายทั้งกาแฟ และขายน้ำดื่มด้วย เราเดินทางกันอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงโรงแรมที่พักของนักกีฬา ในเวลาประมาณบ่าย 2 ซึ่งนักกีฬาพักกันที่โรงแรมลาห์เล (Lahle) และอยู่ไม่ไกลกับโรงแรมของผมมากนัก แต่ปัญหาใหญ่ของผมเองคือเรื่องของการหาอินเตอร์เน็ตส่งงาน เพราะอิหร่าน เน็ตค่อนข้างช้า ถึงช้ามาก จะส่งงานก็ลำบาก แถมยังมีการบล็อกเฟสบุคอีกด้วย ยิ่งทำให้ยากเข้าไปกันใหญ่ พอมาถึงโรงแรมของนักกีฬา พวกเขาก็เข้าไปที่ห้องอาหาร เพื่อกินข้าวเที่ยง ส่วนผมเองพยายามจะส่งภาพนิ่งโดย WiFi ของโรงแรม แต่ก็ส่งไม่ได้ จนต้องใช้เน็ตมือถือในการส่ง ซึ่งเราก็เป็นห่วง กลัวว่าเน็ตจะหมดซะก่อน ส่วนภาพเคลื่อนไหวนี่ ท่าทางจะยาก แล้วยิ่งนี่คือวันแรกของการเริ่มต้นทำงานจริง ๆ ปัญหาหน้างานมันจะมีค่อนข้างเยอะ และยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เย็นวันนั้น ทีมชาติไทย มีนัดซ้อมครั้งที่สนามแข่งขันจริง คือ เรซาซาเดห์ สเตเดียม ในช่วง 6 โมงเย็น และต้องออกเดินทางในเวลา 5 โมง ผมเองต้องไปที่สนามกับทีม จะได้เก็บภาพซ้อมไปด้วย ซึ่งตอนเดินทางไปถึงทุก ๆ คนก็บ่นกัน เพราะไม่คิดว่าสนามแข่งกับที่พักจะไกลกันขนาดนี้ ใช้เวลาเดินทางร่วม 1 ชั่วโมง ซึ่งเอาจริง ๆ ตามกฎของ AVC แล้ว ระยะทางห่างกันขนาดนี้ถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซ้อมเสร็จถึงเวลา 1 ทุ่ม เราก็เดินทางกลับโรงแรมที่พักกัน แต่ว่านักกีฬาหลายคนยังไม่มีใครซื้อซิมการ์ดมือถือเอาไว้เล่นอินเตอร์เน็ต ก็อยากจะออกไปซื้อกัน หน้าที่จึงตกเป็นของซาซาน ที่จะต้องพาไปซื้อ รวมถึงต้องออกเงินให้ก่อนอีก เพราะว่าแต่ละคนยังไม่มีใครได้แลกเงินอิหร่านเลย ทำให้ซาซานต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน และผมเองก็เดินไปกับนักกีฬาด้วยโดยที่มีทั้งกระเป๋าคอมพิวเตอร์ และกล้อง ไปด้วย แต่ในช่วงก่อนที่จะออกไปซื้อของ นักกีฬาหลายคนพึ่งซ้อมเสร็จ บางคนก็ใส่กางเกงขาสั้น และเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะบ้าง ซึ่งอยากที่บอกไปว่า อิหร่าน ค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องของการแต่งกาย แต่ ซาซาน บอกว่าไม่เป็นไร เพราะถือว่าเป็นแขกพิเศษของบ้านเมือง เดินไปซื้อของนิดหน่อยได้อยู่ เมื่อซื้อซิมเสร็จแล้ว ผมจึงก็ขอตัวกลับห้อง ยอมรับเลยว่าล้ามากกับงานในวันแรก ซึ่งร้านขายซิมมือถือ กับโรงแรมผมเอง อาจจะห่างกันไม่มาก แต่สภาพภูมิประเทศของที่อาร์เดบิล เป็นคล้าย ๆ เหมือนภูเขา แม้อากาศที่ว่าเย็น ๆ 10 องศาฯ ก็ทำเอาผมเหงื่อไหลเหมือนกัน พอถึงโรงแรม ผมลงมากินข้าว และกลับขึ้นไปบนห้อง พี่ทีมงานนำเงินที่แลกมาให้ เป็นจำนวน 11 ล้านเรียล หรือประมาณ 10,000 บาท ซึ่งค่าเงินที่อิหร่าน เป็นเงินที่ผันผวน ตลอดเวลา แลกในแต่ละวันได้เท่าค่อยจะเท่ากันเท่าไหร่ ผมรับเงินมาเสร็จ ดูนาฬิกาเวลาจะ 4 ทุ่มแล้ว ผมเลยกะว่าจะลองฝืนร่างกายดูหน่อย เพราะวันนี้เดินทางทั้งวัน คิดว่าจะทำงานให้เสร็จค่อยนอน ผมรีบเอารูป และวีดีโอที่ถ่ายมาลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะได้ตัดให้เสร็จ และหาอินเตอร์เน็ตมาอัพ แต่พอเปิดเครื่อง คอมพ์กับต่อเน็ตไม่ได้ ผมจึงทำได้แค่ลงการ์ดที่ถ่ายมาทั้งหมดลงในเครื่อง และเช็คภาพไปได้สักพักก็ทนไม่ไหว ผมบอกกับตัวเองว่า ขอหลับก่อนละกัน ตื่นมากี่โมงค่อยมาทำงานต่อ... จบวันที่สอง