การเป็นลูกหนี้ที่ดี ในเรื่องของการจ่ายหนี้ยังไง ใช้บัตรยังไงให้คุ้มค่า เป็นเรื่องปกติที่แทบจะไม่ต้องศึกษา ดังนั้นในบทความนี้เราจะไม่พูดถึง ใครเป็นลูกหนี้ที่ดีอยู่แล้ว ก็จงรักษาความดีนี้เอาไว้ต่อไปสำหรับเราแล้ว มักจะได้เรียนรู้กรณีศึกษาจากคนรอบข้างอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะการเป็นหนี้แล้วจ่ายไม่ไหว ซึ่งเรามักจะไม่แนะนำให้ใช้วิธีหมุนเงิน เพราะจะเป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น แต่จะแนะนำให้หยุดจ่ายไปเลย แล้วเก็บเงินขั้นต่ำไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด จากนั้นก็รอเวลาขอส่วนลดกับเจ้าหนี้แต่ก่อนที่จะแนะนำแบบนี้ เราก็จะให้คู่สนทนากลับไปถามตัวเองดี ๆ ว่าพร้อมจะเสียเครดิตหรือไม่ แล้วค่อยมาคุยกัน … หากพร้อมแล้ว ก็อ่าน 5 ข้อต่อไปนี้ ว่าเราสามารถขอส่วนลดได้ตลอดนะ รู้ยัง?เครดิตภาพ : PublicDomainPicturesลูกหนี้ควรรู้ 5 ช่องทางการขอส่วนลดยอดหนี้ค้างชำระ 1. เจ้าหนี้ทวงถาม จะว่าไปแล้วจ่ายช้าแค่วันเดียว ก็โทรตามยิก ๆ กันแล้ว กรณีลืมจ่าย จ่ายช้า ข้ามไปเลยเพราะไม่เกี่ยว แต่หากเราตั้งใจหยุดจ่าย ก็ต้องทำใจว่าจะโดนคำพูดทวงถามสารพัด ดังนั้นให้อดทน บอกเจ้าหนี้ไปว่ากำลังเก็บเงินก้อนอยู่ จากยอดหนี้ตอนนี้ยังเก็บเงินได้ไม่ครบ แต่หากเจ้าหนี้มีส่วนลดดี ๆ ให้ก็เสนอมาได้เช่นกัน เพราะหากเงินที่มีตอนนี้จ่ายไหว ก็จะจ่ายให้เลยทันที เจ้าหนี้จะได้โน้ตไว้ว่า เรายังอยู่ ไม่ได้หนีหายไปไหน แค่ยังไม่พร้อมจ่ายเท่านั้นเครดิตภาพ : Free-Photos2. เจ้าหนี้เสนอส่วนลดข้อนี้จะถือว่าเป็นโชคดีก็น่าจะใช่ ที่อยู่ ๆ เจ้าหนี้จะโทรมาให้ส่วนลด แต่จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องผ่านเหตุการณ์ในข้อ 1 มาพอสมควร โดยส่วนลดที่เสนอมาก้อนนี้ ลูกหนี้อย่างเรา ๆ ต้องพิจารณา โดยใช้องค์ประกอบส่วนตัวในการตัดสินใจ เช่น อยู่ในภาวะเสียเปรียบ เพราะมีเงินเดือนและทรัพย์สินให้อายัดหรือยึดได้ ดังนั้น ก็ให้คิดคำนวณให้ดี ๆ ว่าจะรับไว้หรือไม่ เพราะโปรดี ๆ อาจมีไม่บ่อย หลังจากนี้อาจต้องไปคุยที่ศาลอย่างเดียวเครดิตภาพ : leokiru3. ไปพบทนายโจทก์ก่อนขึ้นศาลข้อนี้หมายความว่าเรา (ลูกหนี้) ถูกฟ้องแล้วเด้อ... คือมีหมายศาลมาแล้ว และเราไปศาลตามนัด แต่ไปเจรจาเรื่องส่วนลดกับทนายโจทก์ก่อน ไม่ต้องเขินต้องอาย ไม่ต้องสนใจคำขู่ ถามไปตรง ๆ เลยว่าจะลดให้ได้เท่าไร เพราะพร้อมจ่ายส่วนหนึ่งเหมือนกัน ถ้ายอดที่เจ้าหนี้ให้มา พอจ่ายได้ ก็จะขอจ่ายเลย ยิ่งหากเราจ่ายได้งวดเดียวยิ่งดี เพราะยังไงเจ้าหนี้ก็ไม่อยากต้องไปลุ้นเอาวันข้างหน้า เครดิตภาพ : TPHeinz4. ศาลพิพากษาแล้วแม้ว่าศาลจะพิพากษาไปแล้ว ในระหว่างที่เราทยอยจ่ายเป็นรายเดือน ก็ยังสามารถขอส่วนลดจากเจ้าหนี้ได้อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เราจ่ายเป็นก้อน เช่น ยอดหนี้คงเหลือ 100,000 บาท ให้ส่วนลดมาที่ 40,000 บาท แต่ต้องจ่ายภายใน 15 วัน ก้อนเดียวเน็ท ๆ จะเห็นว่าเราได้ส่วนลดมากถึง 40% หากพร้อมก็เป็นตัวเลขที่น่าปิดบัญชีเช่นกันเครดิตภาพ : stevepb5. ระหว่างถูกบังคับคดีหากเราถูกอายัดเงินเดือน ในระหว่างนี้ก็สามารถติดต่อเจ้าหนี้ เพื่อขอส่วนลดได้อีก และเพื่อให้เจ้าหนี้อยากทำส่วนลดมาให้ เราควรมีเงินก้อนไปปิดทีเดียวเลย แบบนี้จะสามารถเจรจากันง่ายขึ้น ส่วนเงินที่ถูกอายัดไปแล้ว เราก็ต้องเดินเอกสารระหว่างเจ้าหนี้กับกรมบังคับดี เพื่อนำเงินส่วนที่ถูกอายัดคืนมา ในเรื่องเอกสารอาจยุ่งยาก ก็ขอให้อดทน แต่เพื่อแลกกับหนี้ที่ปิดจบไปได้ ก็คุ้มค่าแน่นอนเครดิตภาพ : jamesoladujoyeจะเห็นได้ว่าทั้ง 5 ข้อ หลักใหญ่ใจความก็คือ “เก็บสะสมเงินก้อน” คิดง่าย ๆ ว่า ที่ผ่านมา เราจ่ายขั้นต่ำไปเดือนละเท่าไร ก็เอาส่วนนั้นแหละ เก็บแยกเอาไว้ เพื่อรอการขอส่วนลด แล้วก็ปิดบัญชีให้จบ ๆ หนี้สินกันไป ไม่ใช่ว่าไม่จ่าย แล้วยังไม่เก็บเงินอีก แบบนี้ไม่ถูกต้องอย่างมาก เท่ากับไม่สนใจอะไรเลย จะพลาดถูกยึดทรัพย์สินเอาได้ง่าย ๆ แต่หากไม่มีอะไรให้อายัดให้ยึด ก็ถือว่ารอดตัวไปล่ะกันเราวางแผนขอส่วนลดอย่างเป็นระบบได้ ส่วนการเจรจาก็ต้องใช้ทักษะส่วนบุคคลในการพูดคุย ประเด็นหลักคือ ต้องชี้ให้เจ้าหนี้เห็นว่า มีเงิน 1 ก้อนพร้อมจ่ายแล้ว ช่วยทำส่วนลดมาให้หน่อยเถอะนะ หากจ่ายไหวก็จะจ่ายให้เลย เพราะมีอีกหลายเจ้าที่ต้องจ่าย!! ... หากเราเป็นเจ้าหนี้ ใจเราก็อยากได้เงินก้อนในมือลูกหนี้แล้วล่ะ!!เครดิตภาพปก : StartupStockPhotos