เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของธีร์(สหรัถ สังคปรีชา)ที่ประกอบไปด้วย ป่าน ภรรยาสาว(ปิยธิดา วรมุสิก) และลูก ๆ อีกสองคน คือ ลูกสาวคนโต แนน (สุทัตตา อุดมศิลป์) และลูกชายคนเล็ก นัท (อธิพิชญ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) และธีร์เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ประกอบกับถ้อยคำดูถูกจากครอบครัวของฝ่ายหญิง ทำให้ธีร์ตัดสินใจซื้อบ้านในหมู่บ้านลัดดาแลนด์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหน้าที่การงานด้วยและเพื่อแสดงความเป็นพ่อกับสามีที่ดีแนน น่าจะเป็นอีกตัวละครที่สำคัญอีกตัวหนึ่งของเรื่อง ไม่ใช่ว่าพ่อไม่รักแนน หรือว่า แนนไม่รักพ่อ ทั้งคู่รักกันแต่การแสดงออกอาจจะดูขัดแย้งไปบ้าง ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่น แนนย่อมมีชีวิตของตนเองอยู่ที่นู่น มีสังคม มีโรงเรียน มีหลาย ๆ อย่างที่นั่นแล้วการที่พ่อจะให้ย้ายไปอยู่เชียงใหม่แนนย่อมไม่เห็นด้วย แม้จะมีพฤติกรรมต่อต้านที่ออกจะรุนแรงและก้าวร้าว แต่หากลองมองในมุมของแนนดูมันอาจจะน่าเห็นใจอยู่บ้างส่วนธีร์เองก็เป็นอีกมุมที่แนนไม่เข้าใจ เขาแค่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เป็นพ่อเป็นสามีที่ดี แต่การกระทำนั้นขัดใจแนนอยู่บ้าง ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อย ๆ และไม่ค่อยลงรอยกันเสียเท่าไหร่แต่เหมือนว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปตามที่ ธีร์ คิด เมื่อหน้าที่การงานดูจะมีปัญหา รวมทั้งบ้านหลังใหม่ที่มักจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำให้ธีร์เลือกที่จะแบกรับปัญหานั้นเอาไว้ และยอมทิ้งศักดิ์ศรีของความพนักงานบริษัทลงมากินเงินเดือนเพียงน้อยนิด “กูไม่ออก! ออกแล้วจะเอาอะไรแดก!” คือวลีฮิตจากปากธีร์ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ช่วยเราเข้าใจเรื่องทุกอย่าง เหตุผลที่ธีร์ไม่ยอมทิ้งบ้านไป เหตุผลที่ธีร์ต้องลงมาทำงานโดยที่ไม่ได้บอกให้ใครรู้มาถึงตัวละครอีกตัวที่สำคัญมากคือ ป่าน เธอเหมือนจะต้องคอยรับศึกอยู่ตรงกลางในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะแม่ของเธอที่ไม่ชอบใจในตัวธีร์นัก และลูกสาวของเธอที่ไม่ลงรอยกับผู้เป็นพ่อเลยสักนิด ทำให้ป่านต้องคอยหย่าศึกเสมอทั้งในฐานะแม่ ฐานะลูกและฐานะเมียป่านเองคงเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ต้องเครียดกับสภาวะในบ้านที่เกิดไม่แตกต่างกับธีร์ ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้แหละที่คงทำให้เธอเครียดอยู่พอตัว ความเก็บกดนั้นทำให้บางครั้งเธอเผลอแสดงออกมาอย่างที่เราไม่คิดว่าจะได้เห็นในตอนกลาง ๆ เรื่องค่อนไปทางท้ายที่มีชายคนหนึ่งมาที่บ้านและหลาย ๆ ฉากหนังชวนให้คิดถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งก็คงจะไม่แปลกเพราะเราก็แค่คิดตามสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อเท่านั้น แต่ธีร์เกิดความตะขิดตะขวงใจทั้ง ๆ ที่ธีร์น่าจะรู้จักภรรยาตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็อย่างว่าแหละจิตใจคนเรามันพร้อมจะแปรเปลี่ยนได้อยู่เสมอ จึงไม่แปลกอะไรหากสิ่งนั้นจะชวนให้ธีร์คิดหากไม่นับความสยองขวัญของหนังที่เป็นเหมือนแกนหลักของเรื่อง ลัดดาแลนด์ คงจัดเป็นหนังเป็นเรื่อง ดราม่าอย่างเกินจะเอ่ย หลาย ๆ ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวทำให้ครอบครัวนี้ที่เหมือนจะมีรอยร้าวที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ ยิ่งดูเปราะบางมากขึ้นไปอีก ตัวละครทุกตัวต่างก็มีที่มาและมีเหตุผลที่จะรองรับการแสดงออกภายในเรื่อง ความเข้าใจกันในครอบครัวนั้นเปรียบเสมือนแก้วที่แตะเพียงแผ่วเบาก็พร้อมจะสลายหายไป นับได้ว่า ลัดดาแลนด์ เป็นหนังที่มีดีกว่าแค่หนังผี และบางทีการเป็นเรื่องสยองขวัญอาจเป็นแค่ส่วนประกอบเล็ก ๆ ก็เป็นได้ แต่ถ้าอยากรู้ว่าความสยองและลุ้นระทึกมีมากแค่ไหน อย่ารอช้าที่จะรับชมทางทรูไอดี คลิกที่นี่ได้เลยขอบคุณภาพจาก GTH