ทองคำเป็นที่รู้จักของมนุษยชาติมาเป็นเวลายาวนานมากกกกก.. ตั้งแต่ 6,000 ปีที่แล้วนู่น คำว่า gold มาจากคำว่า Geolo ซึ่งหมายถึงสีเหลือง ในสมัยโบราณเค้าก็เอามาทำเป็นเครื่องตกแต่งเวลาที่มีการทำพิธีทางศาสนา รวมถึงเครื่องประดับที่ทำให้ดูมั่งคั่ง จนกระทั่งกลายมาเป็นมาตรฐานและพื้นฐานของระบบการเงินในโลกยุคปัจจุบัน หากเรานึกถึงทองคำ ภาพที่เจนตาที่สุดน่าจะเป็นการเดินเข้าห้างทอง หรือร้านค้าทอง เลือกทองรูปพรรณที่ชอบ น้ำหนักทองที่ใช่ ก็ว่ากันไปว่าจะเอาตั้งแต่ครึ่งสลึ่ง หนึ่งสลึง สองสลึง หรือหนึ่งบาทขึ้นไป ตามแต่ที่แบงค์ในกระเป๋าจะเอื้ออำนวย ยิ่งโดยเฉพาะในเทศกาลต่างๆจะเห็นชัดมากขึ้น เช่น สามีซื้อให้ภรรยา พ่อซื้อให้ลูก ลูกซื้อให้พ่อแม่ บางคนซื้อเก็บเป็นสินทรัพย์เพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เพราะทองคำนับวันจะทวีค่ามากขึ้น ยี่สิบปีที่แล้วทองน้ำหนักหนึ่งบาทราคาอยู่ที่หนึ่งหมื่นบาทกว่าๆ ปัจจุบันปาเข้าไปสองหมื่นห้าพันกว่าบาทแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่หลายๆคนมักซื้อทองคำเก็บไว้ แต่เอาจริงๆ พอเข้ายุดนี้ ก็มีหลากหลายวิธีที่จะลงทุนในทองคำที่เป็นแบบฉบับของเรา มาดูกันว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา 1.แบบลงทุนซื้อทองคำแท่งมาเก็บไปเลย วิธีนี้เป็นวิธีแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาหลายยุดหลายสมัย มีทองอยู่กับตัวแน่นอน แต่มีข้อควรระวังอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าต้องเก็บในปริมาณที่มาก สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของการโจรกรรม ต่อให้มีตู้เซฟก็เถอะ เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมักมีวิวัฒนาการใหม่ๆมาให้คุณตำรวจปวดหัวเสมอ ดังนั้นก็ควรพิจารณาความเหมาะสมในการเก็บด้วย 2.ลงทุนในรูปแบบ กองทุนทองคำ (Gold Fund) วิธีนี้ตัดความกังวลเรื่องโจรกรรมหรือทองคำหมายไปได้เลย ลดความเสี่ยงไปได้เยอะ สบายใจกว่า ไม่ต้องเดินเข้าห้างทองให้เมื่อยตุ้ม แถมใช้เงินลงทุนแต่ละครั้งไม่มาก ขั้นต่ำประมาณครั้งละพันบาทก็สามารถลงทุนได้แล้วเพราะสามารถแบ่งซื้อเป็นหน่วยย่อยเล็กๆได้ ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากๆมาซื้อเป็นทองคำแท่งมาเก็บไว้ แต่ข้อควรระวังก็มีนะ คือจะมีค่าธรรมเนียมอยู่ทุกปีไปเรื่อยๆ ใครที่จะลงทุนลักษณะนี้แบบยาวๆต้องพิจารณาให้ดี อย่าให้ขาดทุน 3.ลงทุนในรูปแบบของตราสารอนุพันธ์ (Gold Futures) โดยไม่มีการส่งมอบทองคำจริง เป็นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า โดยวางเงินหลักประกันตั้งแต่ 5-10% ของวงเงินจริง โดยยึดถือเปอร์เซ็นต์ทองตามมาตรฐานของไทยคือ 96.5% สามารถเปิดบัญชีได้ที่ตลาดอนุพันธ์ประเทศไทย (TFEX) จุดเด่นของ Gold Futures คือไม่จำเป็นต้องส่งมอบทองคำจริง หวังผลกำไรจากส่วนต่างราคาเท่านั้น และเราสามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโปรแกรมการซื้อขาย เช่น โปรแกรม Streaming ได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และมี Leverage ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวนอีกด้วย ข้อที่ต้องระวัง คือค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง มีโอกาสที่จะขาดทุนทั้งหมดหรืออาจเป็นหนี้ได้หากลงทุนผิดทาง ถ้าสถานะพอร์ตของเราขาดทุนจนถึงระดับหนึ่ง โบรกเกอร์จะบอกให้เราเติมเงินวางหลักประกันเพิ่ม เหอๆ 4.ลงทุนในรูปแบบ ออมทอง (Gold Saving) โปรแกรมออมทอง ของฮั่วเซ่งเฮง ผ่านระบบ Line today อันนี้น่าจะตอบโจทย์คนที่มีเบี้ยน้อยหอยน้อยพอสมควร เพราะจุดเด่นคือ เมื่อลงทะเบียนกับโปรแกรมนี้แล้ว จะมีการผูกบัญชีไว้กับบัญชีธนาคารที่เรามีอยู่ เมื่อสมัครเข้าโปรแกรมนี้ได้แล้ว แค่เปิดไลน์ ก็สามารถทำธุรกรรมได้แล้ว ลงทุนขั้นต่ำประมาณหนึ่งพันบาท โปรแกรมจะให้ใส่รหัสยืนยันอีกครั้งถึงจำนวนเงิน แล้วจะทำการตัดยอดเงินจากบัญชีธนาคารของเราทันที โดยเราสามารถออมสะสมไปได้เรื่อยๆ หรือหากวันไหนเดือนร้อนต้องการใช้เงิน ก็สามารถลงคำสั่งซื้อขายได้ ซึ่งโดยทั่วไป เงินสดจะเข้าบัญชีธนาคารของเราในวันถัดไป นอกจากนี้ยังสามารถสะสมน้ำหนักทองคำแล้วถอนออกเป็นทองคำแท่งได้อีกด้วย โดยขั้นต่ำของการถอนทองคำก็ตั้งแต่หนึ่งสลึงขึ้นไป หลังจากทำรายการก็ไปรับทองคำที่ร้านทองของฮั่วเซ่งเฮงได้เลย ข้อเสียเห็นจะมีข้อเดียวคือความผันผวนของราคาทองคำ ลองศึกษาและพิจารณาการลงทุนในทองคำในแต่ละแบบ แล้วค่อยพิจราณาลงทุน เพราะแต่ละคนก็ย่อมมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างรวมถึงความสามารถในการลงทุนในแบบต่างๆด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม การลงทุนในทองคำเป็นการลงทุนที่มีปัจจัยเสี่ยงน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น เพราะนานวันก็ยิ่งจะทวีค่าขึ้นเรื่อยๆ หากเราเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม ความมั่นคงทางการเงินจะเป็นของเราในอนาคตอย่างแน่นอนไรเดอร์ วัน ขอขอบคุณรูปภาพจาก canva รูปประกอบที่ 1/ รูปประกอบที่ 2/ รูปประกอบที่ 3/รูปประกอบที่ 4/ รูปประกอบที่ 5/ รูปประกอบที่ 6