วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับหนังสือที่มีดีกรีเข้ารอบสุดท้ายของรางวัล "National Book Award Finalist 2001" จากสำนักพิมพ์ "Pet&Home" ที่ได้สร้างสรรหนังสือดีไว้มากมาย รอบนี้มาอีกครั้งกับหนังสือที่มีชื่อว่า "ร็อบ ฮอร์ตัน กับเสือในกรง" เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกเล่าเปรียบเทียบกับเสือที่เค้าได้เจอในป่าใกล้กับตึกที่พักของเขา กับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ชื่อซิสติน เบลี่ย์ที่มีจุดเด่นในเรื่องการแต่งตัวความแปลกประหลาดในนิสัยของเธอทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจเลยทีเดียว และอีกหนึ่งตัวละครสำคัญคือเสือที่ถูกจับไว้ในกรง ทั้งสองคนจะต้องหาวิธีปลดปล่อยเสือตัวนี้และยังต้องรับมือกับปัญหาต่างๆมากมายอีกด้วยรูปร่างหน้าตาหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ถูกออกมาเป็นภาพสาดสีชอล์กที่มีเด็กผู้หญิงผมสีทองในชุดเดรสสีชมพูคนหนึ่งกำลังนั่งบนหลังเสือโคร่งที่กำลังวิ่งอยู่ โดยมีเด็กผู้ชายอีกคนยืนมองอยู่ด้านหลัง ด้วยความที่เป็นภาพสีชอล์ก ใช้โทนสีหม่นๆ ทำให้รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่าอ่าน อารมณ์แรกที่เห็นคือความน่ากลัวและหมองหม่น ปนความเศร้า ผมอยากรู้ว่าเด็กทั้งสองคนกับเสือหนึ่งตัวนั้นจะดำเนินเรื่องยังไงจึงไม่รอช้าที่จะหยิบขึ้นมาอ่าน ด้านในเป็นกระดาษถนอมสายตา มีทั้งหมด 128 หน้า แบ่งเป็น 30 บท ในบทหนึ่งมีแค่ 3-4 หน้า ทำให้การอ่านของเรารวดเร็ว และกระชับไม่น่าเบื่อสาระสำคัญร็อบ ฮอร์ตัน กับเสือในกรงใจ หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กชายที่ชื่อ ร๊อบ ที่ได้ไปเจอเสือตัวหนึ่งถูกขังไว้ในกรงใกล้กับที่พัก และเกิดความสงสัยว่าเสียตัวนี้มาจากไหน ใครนำมันมา และได้ไปเจอกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซิสติน เธอมีความแปลกประหลาดในหลายๆเรื่อง แต่ท้ายที่สุดก็ได้เป็นเพื่อนกับร็อบ ทั้งสองได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆด้วยกันตลอดเวลาจนถึงวันที่ร็อบได้เจอกับเจ้าของที่พักที่ตนได้พักอาศัยอยู่ที่ชื่อว่า เคนทักกี้ เขาได้บอกร๊อบว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนนำเสือตัวนั้นมา และจ้างร็อบ ให้นำอาหารมาให้เสือตัวนี้ทุกวัน หลังจากนั้นซิสติน ก็ไ้รู้เรื่องเสือ เธออยากจะปล่อยมันออกจากกรง ซึ่งร็อบก็อยากทำเช่นกัน ทำให้ร็อบต้องตัดสินใจแล้วว่าจะฝืนกฏของเคนทักกี้เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือจะตัดเพื่อน เพื่อรักษาสิ่งที่ตนมีอยู่ไว้ความประทับใจเป็นเรื่องของแม่บ้านที่ชื่อเมย์ เขาได้สูญเสียนกแก้วที่ตนได้เลี้ยงไปจากการปล่อยเพราะคิดว่าอยากให้มันเป็นอิสระภาพ แต่ท้ายที่สุดนกที่เค้าปล่อยไปได้กลายเป็นศพ เพราะได้ถูกน่าพรานยิง ในตอนนี้ทำให้ผมเข้าใจเลยว่า บางสิ่งที่ใครบางคนพยายามรักษาไว้ แต่อีกหลายคนที่มองดูอาจจะบอกว่ารักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ทำไม มันอาจเป็นเพราะว่าเค้าต้องการจะดูแลมัน ไมให้เป็นอันตราย ถึงแม้ว่าต้องพัธนาการสิ่งเหล่านั้นไว้ก็ตามก่อนลาไปอ่านหนังสือเล่มนี้ผมให้คะแนนไว้ที่ 8/10 คะแนน ผมชอบตรงที่ได้อ่านมันเป็นบทๆ บทละ 3-4 หน้า ทำให้มีกำลังใจในการอ่าน และรู้จุดหมายมากขึ้นหลายครั้งที่ผมอ่านหนังสือไม่รู้ว่ามันเหลืออีกมากหรือน้อยแค่ไหน ทำให้เบื่อ และไม่อยากอ่านต่อ หนังสือเล่มนี้แก้ไขจุดนี้ได้ดีเลยครับ อีกส่วนที่ชอบคือเนื้อหาของเรื่องที่มีการสื่อความหมายทุกบท และให้ความสำคัญกับทุกการกระทำจนทำให้เราต้องคิดตามว่าสรุปแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อ ยังไงก็ขอฝากหนังสือเล่มนี้ไว้ในชั้นของท่านด้วยนะครับ เป็นหนังสือที่น่าสะสมอีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว กหลัง image widget