รู้เท่าทัน "ของมันต้องมี" วลีเด็ดคนเจนวาย

รู้เท่าทัน "ของมันต้องมี" วลีเด็ดคนเจนวาย

“ของมันต้องมี…” 😎

คุณสูญเสียไปเท่าไหร่แล้วกับคำคำนี้?

มีของชิ้นไหนบ้างที่คุณซื้อมันด้วยอารมณ์ล้วน ๆ แล้วพอเวลาผ่านไปมันก็ถูกวางอย่างไร้ประโยชน์ตรงนั้น ไม่แม้แต่จะขยับไปไหน

วิลล์ สมิธ นักแสดงชื่อดังเคยกล่าวไว้ว่า "มีคนมากมายเหลือเกิน ใช้เงินที่เขาไม่มี ไปซื้อสิ่งของที่เขาไม่ได้ต้องการ เพื่อเอาไปอวดคนที่เขาไม่ได้ชอบ" คำพูดนี้ยังคงคลาสสิคและจริงอยู่เสมอ จริงกับตัวผู้เขียนในบางครั้งด้วย จึงอยากจะเตือนสติตัวเองและใครหลาย ๆ คนผ่าบทความนี้ไปด้วยกัน

🧥 👚 👕 👖 👔 👗 👙 👘 👠 👡 👢 👞 👟 🥾 🥿

จริง ๆ แล้วคำว่ามีสาระ ไร้สาระ จำเป็น และไม่จำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ เราไม่อาจก้าวล่วงและตัดสินไลฟ์สไตล์ของใครได้ แต่ไม่ว่าวิถีชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร ผู้เขียนอยากจะให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริง ๆ โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายตาของใคร และไม่เอาคุณค่าในตัวเองไปผูกกับของสิ่งใดหรือค่านิยมของใคร

2. FOMO หรือ Fear of Missing Out 👥

Fear of Missing Out คือการกลัวว่าจะตกกระแส กลัวว่าถ้าไม่ซื้อของสิ่งนี้ ไม่ใช้ของสิ่งนี้ ไม่ดูหนังเรื่องนี้จะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง จะไม่มีเพื่อนคบ จึงทำให้บางครั้ง “ของมันต้องมี” เพราะเพื่อน ๆ เขามีกัน จริง ๆ แล้วการอยู่ในกระแสเป็นสิ่งที่ดี เพราะโลกของเราปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา แต่อยากจะขอให้พิจารณาให้ลึกซึ้งมากขึ้น ลองแยกชิ้นส่วนของกระแสนั้นดู ก็จะพบว่าบางอย่างจำเป็นต้องมีจริง ๆ แต่บางอย่างไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

อย่างเช่นในปัจจุบันผู้คนทั่วโลกใช้ Smart Phone จนเกือบจะ 100% แล้ว ด้วยความจำเป็นในการสื่อสารในยุคนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รุ่นที่แพงกันทุกคนก็ได้ ดังนั้นแล้วขอให้อยู่ในกระแสแบบมีวิจารณญาณ รักษาความสมดุลของชีวิต เพราะถ้าต้องวิ่งตามทุกอย่าง เช่น ต้องดูซีรีส์ทุกเรื่องที่คนบนโลกนี้ดู ชีวิตนี้คุณคงเหนื่อยและไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้วล่ะค่ะ

3. ต้นทุนทางสังคม 🕴💃🏻 🕺🏻

ต้นทุนทางสังคมในที่นี้หมายถึงการใช้เงินเพื่อตอบสองต่อมุมมองของสังคมที่มีต่อตัวเรา ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การซื้อของแบรนด์เนมเพราะต้องการที่จะรักษาหน้าตาทางสังคมของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าต้นทุนทางสังคมของเรามันสูงกว่ารายได้ที่มีและทำให้เกิดหนี้มากมาย อันนี้มีปัญหาแล้วล่ะค่ะ

แล้วเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรกันดี?

การแก้ปัญหาที่ดีควรแก้จากต้นเหตุ ต้นเหตุก็คือ 3 สิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้น หากสังเกตดี ๆ จะพบว่ามันเป็นเรื่องของ “ความคิด” ทั้งนั้นเลยค่ะ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนั้น ก่อนจะแก้ที่การกระทำ ควรจะเริ่มต้นจากการแก้ที่ “ความคิด” ก่อน

ในมุมมองผู้เขียนคิดว่าเราควร “ติดกระดุมเม็ดแรก” ให้ถูกต้อง โดยเริ่มต้นจากการเห็นคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง ควบคู่ไปกับการเข้าความหมายที่แท้จริงว่า “คุณค่า” คืออะไรกันแน่

มนุษย์ทุกคนบนโลกมีค่าค่ะ แม้บ่อยครั้งมนุษย์จะตีค่าคนแต่ละคนไม่เท่ากันด้วยมุมมองและปัจจัยต่าง ๆ แต่ความจริงที่อยากให้ยึดไว้ก็คือ “ทุกคนมีค่าเท่ากัน” เพียงแค่ต่างบทบาท ต่างหน้าที่เท่านั้น ดังนั้นแล้วต่อให้คุณไม่ใช่คนเก่งอัจฉริยะ ไม่ได้เป็นนักร้องมีชื่อเสียง ไม่ได้มียอด Followers เป็นล้าน หรือไม่ได้มีของหรู ๆ แพง ๆ คุณก็มีค่าในแบบของคุณ

ความจริงที่อยากให้ยึดไว้ก็คือ “ทุกคนมีค่าเท่ากัน” เพียงแค่ต่างบทบาท ต่างหน้าที่เท่านั้น

“การให้” เป็นการทำให้คุณค่าในตัวเราเด่นชัดมากยิ่งข้น และถ้าคุณค่าที่คุณมีมัน “ชัดเจน” มากพอ คุณก็ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาประดับบารมีของคุณ ไม่ต้องใช้ของแพง ๆ แต่คนอื่นจะสนใจและเดินเข้ามาถามคุณเองว่า “คุณใช้ของแบรนด์อะไร”

เขียนบอกด้วยความรักและหวังดี 👩🏻🧡

โอ้

ติดตามผู้เขียนได้ที่

IG : ohkansiri

Facebook : fb.me/justlearntogether

Fan Page : fb.me/ohkansiri

YouTube : https://bit.ly/2PpkbZu

Website : http://justlearntogether.com/

Blog : https://cities.trueid.net/@8408

เครดิต ภาพปกภาพที่ 1 ภาพที่ 2ภาพที่ 3