รูปภาพจาก https://pixabay.comสถานการณ์ในตอนนี้หลายคนยังต้อง Work From Home หรือ ทำงานอยู่ที่บ้านอยู่ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าทำงานอยู่บ้านก็ดีนะ ไม่ต้องเสี่ยงกับโควิด - 19 แต่ในทางกลับกัน รู้หรือไม่ว่าการที่เราทำงานติดบ้าน ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่เราจะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกันแล้วยิ่งมีโอกาสเป็นได้มากกว่าการที่เราออกไปทำงานนอกบ้านปกติเสียอีกเพราะอะไรเราถึงเสี่ยง?ทำงานที่บ้านไม่ต้องรีบตื่นเช้าอาบน้ำกินข้าวก็เริ่มงานได้เลยและเนื่องจากเราทำงานที่บ้านอาจจะนั่งทำอยู่คนเดียวในห้องหรือในบ้าน ที่ไม่มีใครรบกวน ไม่ต้องลุกไปไหน ไม่ต้องคุยกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือออกไปพบลูกค้า ทำให้เราอาจจะเพลิดเพลินกับการนั่งทำงานจนลืมเวลาไปกินข้าวกินน้ำเลยก็ได้ ซึ่งการนั่งนาน ๆ ไม่ลุกไปไหน คือสาเหตุหลัก ๆ ที่จะทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรมแล้วอาการแบบไหนที่จะเข้าข่ายการเป็นออฟฟิศซินโดรม วันนี้ขอหยิบยกมาเพียง 3 อาการหลัก ๆ ที่จะให้เราได้เริ่มสังเกตตัวเอง ดังนี้ 1. ปวดหลังรูปภาพจาก https://unsplash.comมีอาการปวดหลังเรื้อรัง เนื่องจากการที่เราต้องนั่งเก้าอี้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานเป็นระยะเวลานาน อิริยาบทการนั่งอาจจะการนั่งหลังค่อมจะทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก มีอาการเกร็งอยู่ตลอดเวลา เราก็จะเกิดอาการปวดเมื่อย กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ก็จะทำให้เกิดอาการง่วงนอน และศักยภาพในการทำงานไม่เต็มร้อย 2. มือชา นิ้วล็อกรูปภาพจาก https://pixabay.comอาการนี้เกิดจากการที่เราใช้มือจับเมาส์หรือใช้นิ้วในการพิมพ์งานในท่าเดิมเป็นระยะเวลานาน จนทำให้กล้ามเนื้อกดทับประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อกหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ 3. ปวดศีรษะรูปภาพจาก https://unsplash.comอาการนี้เกิดจากความเครียดจากงาน การทำงานหนัก และการพักผ่อนไม่เพียงพอ วิธีเลี่ยง ป้องกันหรือลดการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม1. หมั่นขยับตัวบ่อย ๆ ลุกยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบทบ่อย ๆ2. อย่าเตรียมน้ำใส่แก้วหรือนำขวดน้ำมาวางบนโต๊ะทำงาน เพื่อให้เราได้ลุกไปหยิบน้ำ มาดื่มเองได้3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้เราได้ลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เป็นการได้ขยับร่างกายจากการนั่งเพลิน ๆ4. ตั้งนาฬิกาเตือนหมดเวลางาน แล้วหากิจกรรมเสริมทำหลังเลิกงาน ให้เราได้ยืดเส้นยืดสาย เช่น ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ออกกำลังกาย หรือทำงานบ้าน เป็นต้น เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านแล้วลองสำรวจตัวเองเลยค่ะว่า ทุกวันนี้เรากำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมอยู่หรือเปล่า ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ