นักอ่านหลายคนมักชื่นชอบเรื่องราวที่เหนือจินตนาการ ตำนานปรัมปราต่าง ๆ เมื่อถูกนำมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวที่เข้ากับยุคสมัย ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจและน่าติดตาม บทความนี้ผู้เขียนซึ่งเป็นหนึ่งในนักอ่านผู้ชื่นชอบเรื่องราวแฟนตาซีจะมาแนะนำวรรณกรรมภาคต่อ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเทพนอร์ส ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง เช่น ธอร์ โลกิ โอดิน เป็นต้น หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “แม็กนัส เชส กับเทพแห่งแอสการ์ด : ค้อนของธอร์” เขียนโดย Rick Riordan แปลโดย พลอย โจนส์ เป็นภาคต่อจากเล่มแรกที่ผู้เขียนได้ทำการรีวิวไปแล้วในบทความก่อนหน้า ชื่อว่า “แม็กนัส เชส กับเทพแห่งแอสการ์ด : ดาบแห่งฤดูร้อน” ค่ะสำหรับเรื่องราวในเล่มนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในบอสตัน เพราะอาณาจักรทั้ง 9 โลกตั้งอยู่บนแผ่นดินบอสตันและยังไม่มีแผนเคลื่อนที่ไปตั้งที่อื่น หลังจากที่แม็กนัสและเหล่าเพื่อนอินแฮยาร์ทำการยับยั้งการเกิดวันสิ้นโลกได้อย่างฉิวเฉียด พวกเขาก็กลับมาใช้ชีวิตที่วัลฮัลลาตามปกติ เช้าตื่นมาฝึกรบ ยามว่างเข้าชั้นเรียนต่าง ๆ ตกเย็นร่วมรับประทานอาหารชมวิวต้นไม้แห่งโลก วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งพวกเขาได้รับภารกิจใหม่เมื่อโลกิ เทพแห่งการโกหก หลอกลวง ตัวร้ายของเหล่าเทพที่ถูกมัดไว้ในถ้ำเพื่อรับโทษที่เขาฆ่าลูกชายของฟริกก์ โลกิพยายามหาวิธีหลบหนีและทำการก่อแร็กนาร็อก เร่งวันสิ้นโลกให้เร็วขึ้น รวมถึงยังทำให้เหล่ายักษ์บุกโลกเมื่อรับรู้ว่า “ค้อนของธอร์” หายไปด้วยความสะเพร่าของเทพเจ้าสายฟ้า แม็กนัสและเพื่อน ๆ จึงต้องทำการออกตามหาค้อนและปฏิบัติภารกิจหยุดยั้งการเป็นอิสระของโลกิให้ได้ ในขณะที่พวกเขาได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันก็ทำให้ได้เรียนรู้กันมากขึ้น “เอลฟ์” สิ่งมีชีวิตอมนุษย์ที่ทุกคนต่างมองว่าเอลฟ์สมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง ทั้งรูปร่างหน้าตา สติปัญญาและเวทมนตร์ แต่สำหรับฮาร์ธสโตนเพื่อนของแม็กนัส เขากลับเป็นจุดบกพร่องในสายตาของเอลฟ์ด้วยกัน เพราะเขาพูดไม่ได้ แซมและอเล็กเป็นลูกของโลกิที่ใคร ๆ ก็ต่างตัดสินว่าพวกเขาก็ชั่วร้ายเหมือนพ่อของตัวเอง บลิตเซนเป็นคนแคระที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตร่างเตี้ย ไม่สวยงามแต่เขากลับมีพรสวรรค์ในการสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำค่าและมีประโยชน์ในการช่วยชีวิตเพื่อน ๆ ทำให้พวกเขาสามารถร่วมกันเอาชนะและทำภารกิจสำเร็จลงได้หนังสือคือเพื่อนที่ดีและให้ข้อคิดกับเราได้เสมอ แม้จะเป็นวรรณกรรมแนวแฟนตาซีแบบนี้ก็ยังทำให้ผู้อ่านได้มุมมองดี ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังที่ปรากฏแม้จะเป็นเทพเจ้า เอลฟ์หรือผู้มีเวทมนตร์ อำนาจมากล้นเพียงใดก็ยังมีการแบ่งชนชั้นด้วยเปลือกนอก ดูถูกคนอื่นจากภายนอกที่สายตามองเห็นซึ่งนั่นไม่ใช่อุปสรรค ภายในจิตใจต่างหากที่สำคัญ ใจที่มีความรู้สึกนึกคิดในเรื่องที่ดีงาม ใจที่มีเมตตาและนึกถึงผู้อื่นเสมอ สำหรับข้อคิดอีกอย่างซึ่งผู้เขียนได้จากตัวละคร “แม็กนัส” ก็คือในเรื่องของการใช้ชีวิต จากเด็กชายไร้บ้านกลายมาเป็นนักรบแห่งวัลฮัลลา มีที่อยู่ มีอาหาร มีเสื้อผ้า ทุกอย่างสะดวกสบายแต่ก็แถมความวุ่นวายคือ ภารกิจอันตรายต่าง ๆ ที่กลายเป็นหน้าที่ จนทำให้คิดว่าบางครั้งคนเราก็แค่ต้องการชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร ใช้ชีวิตแบบที่มี พอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ต้องขวนขวายไขว่คว้าพลังอำนาจ เพื่อให้คนอื่นมาก้มหัวให้หรือยกย่องเทิดทูนวรรณกรรมแฟนตาซี แม็กนัส เชส กับเทพแห่งแอสการ์ด : ค้อนของธอร์ มีจำหน่ายตามร้านขายหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ตามหน้าเว็บไซต์ของร้านหนังสือได้ค่ะขอบคุณภาพสวย ๆ : เครดิตภาพที่ 2 โดย Pixabayเครดิตภาพที่ 4 โดย Pixabay