"สับสน...อ่อนล้า...เจ็บปวดล้มเหลว...พ่ายแพ้...เสียใจเพราะเป็นเพียงแค่คนหนุ่มสาวคนหนึ่งแด่เธอ หนุ่มสาวผู้เผชิญหน้ากับชะตาชีวิตเพียงลำพัง"หลายคนคงเคยได้อ่านหนังสือ “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” ของคุณคิมรันโดมาแล้ว คิดว่าคงเป็นหนังสือที่หลายคนประทับใจ รวมถึงเราด้วยเหมือนกันและเราได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือ "พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่" ที่จะมารีวิวนี้ เราว่าเล่มนี้เป็นเหมือนภาคต่อ ที่จะมาขยี้ปมความรู้สึกต่างๆของคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความเป็นผู้ใหญ่ เผชิญหน้ากับความผิดหวัง ความเจ็บปวด จากปัญหาและอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เล่มนี้เป็นเหมือน GPS บอกตำแหน่ง บอกทิศทางและให้คำแนะนำที่ดีให้กับผู้ที่อยู่ในฐานะผู้ใหญ่หน้าใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเส้นทางในโลกของความเป็นจริง ในสังคมที่แตกต่างจากรั้วโรงเรียน รั้วมหาวิทยาลัย"แด่คุณที่กำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคในชีวิตยินดีต้อนรับสู่ชีวิตจริงด้วยความเห็นใจและขอให้คุณเพียรพยายามสู้ต่อไป"เป็นข้อความที่คุณคิมรันโดเกริ่นนำและเป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ ที่จะมาให้คำแนะนำถึงปัญหาและอุปสรรคที่จะได้พบเจอ จนหลายคนเกิดความรู้สึกสับสน คิดหาทางแก้ไม่ออก ไม่รู้จะเอายังไงดีกับชีวิตต่อไป เมื่อจะเริ่มก้าวเข้าสู่ผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว โดยในหนังสือประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลักๆได้แก่- Amor fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ- คนหนุ่มสาวจงก้าวไปสู่โลกภายนอก- จงพบ จงรัก และจงใช้ชีวิต- แด่คุณที่กำลังจะฟื้นคืนชีพและใน 4 บทหลักๆนี้ก็ยังจะมีบทย่อยๆอีกมากมาย ซึ่งเราขอยกตัวอย่างเล็กน้อยๆในหนังสือที่เราชอบและประทับใจมากมาเขียนให้อ่านกันนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้อ่านบทความนี้บ้าง“Amor fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ” เป็นข้อความที่เราชอบมาก ข้อความนี้ไม่ได้ให้หมายความว่าให้ละทิ้งความหวังและยอมรับชะตากรรมที่เลวร้าย แต่ก็ให้ยอมรับและตระหนักถึงชะตาชีวิตของตัวเอง ให้อดทนเดินหน้าต่อไปถึงแม้ว่าจะยากลำบากแค่ไหนเพราะสักวันเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป ในหนังสือมีตัวอย่างจากชีวิตจริงที่คุณคิมรันโดไปให้คำแนะนำยิ่งเข้าใจถึงประโยคนี้มากขึ้นถึงแม้ว่าตอนนี้ชีวิตเราเองก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจขนาดนั้น แต่ข้อความนี้มันเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เรามองดูตัวเองในอดีตและปัจจุบัน เป็นเหมือนข้อความที่สร้างภูมิคุ้มกันให้เราเป็นอย่างดี และทำให้เรามีพลัง พร้อมอดทนต่อสู้ไม่ว่าปัญหาและอุปสรรคจะเข้ามาในชีวิตเราอย่างไรก็ตาม เราคิดว่าทุกครั้งที่เราท้อก็คงต้องย้อนกลับมาอ่านที่บทนี้เลยจริงๆ เพราะคิดว่าคงได้รับพลังดีๆกลับคืนมา เพื่อพร้อมสู้ต่อไปอย่างแน่นอน ในหนังสือยังเขียนถึงคุณค่าของตัวเรา ไม่ว่าจะมีสภาพใครจะเป็นยังไงก็ตามทุกคนมีคุณค่าหมดทุกคน โดยคุณคิมรันโดให้ 3 เหตุผลดังนี้1. เพราะมีคุณที่คุณรักและรักคุณ2. คุณสามารถทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นได้ไม่ว่าจะเล็กน้อยก็ตามเช่น ตกแต่งกระถางต้นไม้ กวาดทางเดินหน้าบ้าน คุณก็ทำให้โลก ทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้น แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ใครสักคนในโลกมีความสุข เช่น คนในบ้านของของคุณ3.เพราะคุณจะเริ่มเปลี่ยนเป็นคนใหม่ทีละน้อยเชื่อว่าทุกคนความคิดความฝันว่าชีวิตที่เราอยากจะเป็นอย่างไร เมื่อเริ่มเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง ทีละเล็กละน้อย เพื่อให้ตัวเองสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นี่ก็เรียกว่าคุณค่าอีกบทที่เราชอบคือ งานอดิเรก เพื่อนแท้ของชีวิต บทนี้บอกเลยว่าแอบเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับชีวิตเราที่ทำให้เราอยากปรับปรุงตัวใหม่ อยากออกไปลองทำสิ่งใหม่ๆ ออกไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆที่ยังไม่เคยไป เพราะปกติชอบทำอะไรที่เหมือนฆ่าเวลาทิ้งในช่วงเวลาว่างๆ เช่นดูทีวี เล่น ig จนไม่ออกไปไหนคุณคิมรันโดบอกว่า ในเวลาว่างให้ลองออกจากหน้าจอทีวีบ้าง ลองออกไปตามหา ค้นหาความสุขอื่นที่จะช่วยสร้างความสนุกและประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับชีวิตของเราทุกวันไปเจอประสบการณ์ที่หลากหลายที่จะทำให้เราสมบูรณ์แบบขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องอย่าทำงานอดิเรกเพื่อเอาชนะความว่างนะ เพราะเดี๋ยวจะมาบั่นทอนร่างกายเรา พักบ้างก็ได้แต่อย่าพักนานในหนังสือยังมีอีกหลากหลายที่จะให้คำแนะนำกับปัญหาที่เราทั้งเรื่องการแต่งงาน ความรัก เพื่อน การแบ่งเวลาให้ตัวเอง ครอบครัวและงาน เป็นต้นเล่มนี้เรายกให้เป็นเล่มโปรดของเราอีกเล่ม และอยากขอบคุณมากๆที่เขียนหนังสือเล่มนี้ เพราะได้ให้คำแนะนำที่ดี และตอบคำถามหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาที่ก็ไม่คิดว่าจะได้คำตอบที่ดีและลึกซึ้งขนาดนี้ จะนำสิ่งที่ได้รับคำแนะนำไปปรับใช้ในชีวิตนะคะ จะสู้ต่อไปค่ะ แต่ในบางบทเราก็คิดต่างจากคุณคิมรันโดไปบ้าง และบางบทยังไม่เก็ทเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะความแตกต่างในสังคมของเกาหลีและไทยที่แอบแตกต่างกันบ้าง ก็พอจะเข้าใจได้ค่ะ เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปอ่านกันดูนะคะรายละเอียดเพิ่มเติมหนังสือพันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ผู้เขียน คิมรันโดผู้แปล อมรรัตน์ ทิราพงษ์สำนักพิมพ์ Springbooksราคา 199 บาท