*สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน เนื่องจากนี่เป็นบทความแรกของผู้เขียนจึงอยากขอแจ้งไว้ก่อนว่าเนื้อหาในส่วนต่อไปนี้เป็นความเข้าใจและความเห็นของผู้เขียนต่อหนังสือที่ได้อ่าน มีการสปอยล์และหยิบยกเนื้อหาบางส่วนของหนังสือขึ้นมาเขียนประกอบ* ภาพโดยผู้เขียนในบรรดาหนังสือที่ถูกตีพิมพ์ออกมาจำนวนมาก ย่อมต้องมีหนังสือไม่น้อยเลยที่มักถูกมองข้ามอยู่เสมอ "ความทรงจำสีเทา" เล่มนี้เองก็เป็นหนึ่งในหนังสือเหล่านั้นที่ผู้เขียนได้บัญเอิญไปพบเข้าในงานหนังสือเมื่อต้นปีก่อน ซึ่งถูกนำมาเลขายในราคาเล่มละ 20 บาทเท่านั้น หากแต่ด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจ รวมถึงภาพการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ การใช้คำที่น่าดึงดูด และตัวละครที่มีบุคลิกเฉพาะ ทำให้ผู้เขียนได้ตัดสินใจที่จะลองหยิบติดกลับมาด้วย และได้ค้นพบว่าหนังสือเล่มนี้คืออีกหนึ่งหนังสือที่ทรงคุณค่า และผู้เขียนก็ขอจัดไว้ในหมวดหมู่ของ "หนังสือที่เรามองข้าม"ความทรงจำสีเทา คือนิยายภาพร่วมสมัยที่เขียนโดย dp หรือผู้เขียน ความหวังสีดำ ถูกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ springbooks เราเลือกที่จะปกปิดความทรงจำที่ถูกต้องเพียงเพื่อทำให้เรามีความสุข เรื่องราวเล่าถึงการเดินทางร่วมกันของชายสี่คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพื่อตามหาอะไรบางสิ่งบางอย่างตามที่แต่ละคนคว้าไขว่จำ ชายใส่หมวกที่ออกตามหาความเข้าใจต่ออะไรบางสิ่งที่หายไปวัน ชายตาเดียวที่ออกตามหาในสิ่งที่คิดถึง อะไรบางสิ่งที่เขาเคยเจอนิว ชายทรงผมประหลาดผู้มีรอยเย็บที่ข้างหัว ที่ออกตามหาความทรงจำที่สูญหายไปหมึก ชายผู้คล้องหูฟังไว้ที่คอตลอดเวลา ที่ออกตามหาสิ่งที่รอคอย อดีตที่เขาเฝ้ารออยู่ตลอดเวลาทั้งสี่ออกเดินทางสู่จุดหมายเดียวกันคือกระท่อมเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่บนยอดหุบเขาเดียวดายของชายที่ชื่อ " ซีโร่ " ซึ่งเป็นคนคนเดียวที่สามารถนำทางทั้งหมดสู่จุดหมาย "เกาะอดีต" ได้ และเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายของพวกเขาจึงจำเป็นต้องทำทุกสิ่งตามที่ซีโร่บอกให้ทำ ภาพโดยผู้เขียนสิ่งแรกที่ซีโร่ขอให้ชายทั้งสี่ทำคือการแลกกันอ่านสมุดบันทึกของแต่ละคน แม้ทั้งสี่คนจะไม่พอใจและไม่เข้าใจในสิ่งที่ซีโร่ต้องการ แต่บางทีมันก็อาจเป็นเช่นกันกับกฎของเมล็ดพันธ์ในบันทึกของหมึกก็เป็นได้ เหมือนที่บางครั้งเราก็ต้องหว่านเมล็ดพันธ์มากมาย เพียงเพื่อปลูกต้นไม้หนึ่งต้น เพราะไม่ใช่เมล็ดพันธ์ทุกเมล็ดจะทำให้ต้นไม้งอกเงย เช่นกันกับที่ไม่ใช่ทุกการกระทำจะให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ บางครั้งเราจึงต้องลองทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ภาพโดยผู้เขียนเพราะคววามกลัวทำให้ความทรงจำขาดหาย ดังนั้นจำจึงมักบันทึกสิ่งต่าง ๆ ด้วยการใช้คำสั้น ๆ ไม่กี่คำ กับการตีความหมายที่ลึกซึ่ง บันทึกของจำกลับเป็นบางสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้เขียน หลายคำดูไร้ความหมาย หากแต่การตีความที่แตกต่างกลับทำให้คำเหล่านั้นทรงคุณค่าดังเช่นคำที่ว่า เมื่อฉันเลือกไปทางซ้าย ใจฉันมักนึกถึงทางขวาที่ไม่ได้เลือก เราเลือกเพราะเราต้องเลือก ไม่ใช่เลือกเพราะเราต้องการ ลึก ๆ แล้วเราอยากได้ทั้งหมด แต่ความจริงเราทำไม่ได้ เช่นกันกับตอนนี้ บางทีหากผู้เขียนเลือกได้ก็คงอยากนำคำเกือบทั้งหมดมาใส่ไว้ในบทความนี้ แต่ผู้เขียนก็ทำไม่ได้อยู่ดี ภาพโดยผู้เขียนบางครั้งความเข้าใจอาจไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถปล่อยผ่านมันไปได้เสมอ เหมือนดั่งที่ปรากกฎในบันทึกของวัน ที่แม้เขาจะเข้าใจแต่ก็ไม่อาจปล่อยผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้อยู่ดี บางครั้งแม้คนเรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรลืม หากแต่ก็กลับเลือกลืมอีกสิ่งไปแทน บางทีนั่นอาจเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ก็เป็นได้ ภาพโดยผู้เขียนแม้นิวจะรวบรวมเอาความสุขของเขามาติดรวมกันไว้ในบันทึกเล่มนั้น เพื่อหวังให้ความสุขของเขาใหญ่ขึ้น หากแต่ภูเขาที่อยู่ห่างไกลก็ยังคงดึงดูดให้เขาอยากลองปีนมันอยู่เสมอ บางทีอาจเพราะเชื่อว่าจะได้พบบางสิ่งที่หายไปจากความทรงจำ แม้สิ่งนั้นจะเป็นภูเขาความทุกข์เขาก็ยังเลือกจะไปอยู่ดี ภาพโดยผู้เขียนที่สุดแล้วทั้งสี่คนต่างยอมทำตามคำขอของซีโร่จนได้เดินทางไปถึงเกาะอดีตในท้ายที่สุด หากแต่ความจริงที่ว่าเกาะอดีตไม่เคยมีใครได้กลับออกมาหลังจากเข้าไปก็ยังทำให้ซีโร่โน้มน้าวพวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะต้องพาพวกเขาเข้าไปโดยให้จับเชือกไว้และห้ามปล่อยไม่ว่าจะเจอสิ่งใด แม้ทั้งสี่คนจะรับปากซีโร่ หากแต่ทำเช่นนั้นได้จริงไหม ที่สุดแล้วจะมีใครสามารถเดินทางกลับออกจากเกาะอดีตได้หรือไม่หากเกาะอดีตคือการพาเราย้อนกลับไปสัมผัสกับอดีตอีกครั้ง ใยเราจึงยังอยากย้อนกลับไปแม้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้อยู่ดี แม้บางทีอดีตนั้นอาจเป็นทุกข์แสนสาหัส หรือจะเป็นเพราะความเคยชินดั่งที่หนังสือบอกไว้ เราจึงอยากจะกลับสัมผัสกับมันอีกสักครั้ง บางสิ่งเรามักมองข้ามเพราะความเคยชินจนวันหนึ่งความเคยชินหายไปกลับเป็นตัวเราเองที่โหยหาสิ่งนั้นให้กลับมา หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องผ่านภาพและตัวอักษร ผ่านแต่ละขั้นตอนของการเดินทาง และความทรงจำที่แตกต่างไปของคนทั้งสี่ โดยใช้คำสั้น ๆ ในทุก ๆ บรรทัดในการเรียบเรียงทั้งเนื้อหา และบทเรียนที่แทรกไว้ตลอดเวลา ภาพประกอบของตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์แสดงชัดถึงรูปร่างของอดีตที่พวกเขาพบเจอ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นเช่นนั้นเราทุกคนต่างโหยหาเรื่องราวของอดีต ไม่ว่ามันจะเศร้า สุข ทุกข์ ร้าย ดี อย่างไร ไม่ว่าปัจจุบันและอนาคตจะเป็นแบบไหน ทุกสิ่งต่างเชื่อมโยงไว้ด้วยอดีตที่หล่อหลอมเราหนังสือเล่มนี้พูดถึงการเดินทางของคนสี่คน ที่มีอดีตเป็นตัวขับเคลื่อน พวกเขาต่างเดินทางเพื่อค้นหาในสิ่งที่ต้องการ และแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ของกันและกันผ่านอดีตของแต่ละคนมีหลายประโยค หลายคำพูด และหลายข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับหนังสือเล่มนี้ แม้แต่ละเรื่องราวที่สื่อออกมา จะพาให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างออกไป แต่สุดท้ายผู้เขียนยังสามารถพาเราให้กลับมาทำความเข้าใจกับอดีตของเราใหม่อีกครั้ง ด้วยคำที่ดูคล้ายว่าจะไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยตอนต้นเรื่อง แต่นั่นคือบทสรุปทั้งหมดที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด ไม่แปลก ที่เราต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่แปลก ถ้าเราจะเอาความสุขเข้าหาตัวเองแต่น่าแปลกที่บางครั้งเราเลือกมองแค่สิ่งที่เราอยากจะเห็นเลือกรับรู้และจดจำสิ่งที่ตัวเองต้องการและลบความจริงบางอย่างทิ้ง เราละทิ้งส่วนเกินของทรงจำไปมากแค่ไหนและเราเพิ่มเติม บิดเบือนความทรงจำของตัวเองมาแล้วกี่ครั้ง ไม่ใช่แค่ตัวละครทั้งสี่ที่ทำ แต่เราทุกคนก็ทำแบบนั้นไม่ใช่หรือไรแล้วสุดท้ายคนทั้งสี่จะยอมรับมันได้แค่ไหน เมื่อความทรงจำที่พวกเขาเคยเข้าใจ มันอาจไม่ใช่ความจริงเสียทั้งหมดเช่นกันกับตัวเรานั่นล่ะครับ ในวันที่เรารู้ว่าความเป็นจริง กับสิ่งที่เราคิด เราเข้าใจมันต่างกัน วันนั้น เรายอมรับมันได้แค่ไหน ผู้เขียนเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะพาให้เรากลับไปสัมผัสกลับความทรงจำ ความคิด และความรู้สึกของเราได้อีกครั้ง