ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาBNK48วงไอดอลน้องสาวของAKB48ได้เกิดกระแสคุกกี้ฟีเวอร์จากผลงานเพลงคุกกี้เสี่ยงทายของพวกเธอที่ใครๆก็ต้องเคยได้ยินและร้องตามเต้นตามกันได้อย่างแน่นอนBNK48ในช่วงคุกกี้ฟีเวอร์ตัววงนั้นพุ่งสู่ขีดสูงสุดขึ้นเรื่อยๆ จนใครหลายคนสนใจติดตามวงมากยิ่งขึ้นฐานแฟนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นหนาและแล้วภาพยนตร์สารคดีชีวิตเรื่องแรกของพวกเธอก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในชื่อเรื่องว่าBNK48 GIRLS DON'T CRYโดยภาพยตร์เรื่องนี้เข้าฉายเมื่อวันที่16 สิงหาคม พ.ศ.2561และสตรีมมิ่งออนไลน์แล้วบนNetflix วันนี้ผู้เขียนจึงถือโอกาสนำภาพยนตร์เรื่องนี้มารีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกัน เครดิตรูปภาพจาก: Nawapol Thamrongrattanarit ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่างพี่เต๋อ นวพลมากำกับสารคดีเรื่องนี้ ผลงานที่โดดเด่นของเขาเลยก็คือฮาวทูทิ้ง...ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอที่เข้าฉายในช่วงท้ายปีพ.ศ.2562ที่ผ่านมาส่วนตัวผู้เขียนชอบผลงานของพี่เต๋อ นวพลอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเขาได้กำกับภาพยนตร์สารคดีของBNK48ก็ยิ่งดีใจแล้วใหญ่เพราะเราก็แฟนคลับของวงนี้อยู่ด้วย เครดิตรูปภาพจากปกคลิป: 「BNK48 3rd Single Announcement」 BNK48จะมีระบบเซ็มบัตสึคือจะมีผู้ถูกเลือก16คนหรือมากกว่าให้มีส่วนร่วมในเพลงหลักของซิงเกิ้ลนั้นไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียง,ถ่ายทำMV,มีตัวเองอยู่บนปกCDและมีส่วนร่วมในการโปรโมทเพลง ส่วนผู้ที่ไม่ถูกเลือกนั้นจะถูกเรียกว่าอันเดอร์เกิร์ลและตำแน่งสูงสุดจะถูกเรียกว่าเซนเตอร์ที่จะยืนอยู่ตำแหน่งหน้าสุดและตรงกลางของเพลงเพราะระบบนี้จึงทำให้มีการเกิดการแข่งขันกันในวงเพื่อผลักดันตัวเองให้ตัวเองถูกเลือกให้เป็นเซ็มบัตสึ ด้วยระบบนี้แหละที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นหัวใจหลักของการตามวงนี้เพราะเมมเบอร์ในวงที่เราชื่นชอบอาจจะติดหรือหลุดจากเซ็มบัตสึตอนไหนก็ได้ เครดิตรูปภาพจากปกคลิป: BNK48 : GIRLS DON’T CRY | Official Trailer (Online Ver.) รีวิวหลังดูจบ: นี่คือการสลัดภาพไอดอลที่ใส่ชุดสวยๆ ร้องเต้นบนเวทีสู่การเปิดใจนั่งคุยหลังม่านให้เห็นว่าพวกเธอก็คือเด็กวัยรุ่นธรรมดาที่เข้ามาทำตามความฝันภายใต้ระบบที่เป็นใจกลางสำคัญของพวกเธอไปแทบจะทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดการใช้โซเชียล,การห้ามถ่ายรูปคู่,ห้ามแตะตัว,การเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งๆ ที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง,การแข่งขันกันภายในวงเพื่อให้ถูกเลือกเป็นเซ็มบัตสึและมิตรภาพระหว่างท็อปเมมเบอร์และเมมเบอร์ที่ไม่ดังประเด็นต่างๆ นี้ทำให้เรารู้สึกว่าเพลงที่พวกเธอได้ร้องได้เต้นออกมามันเปี่ยมไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาของพวกเธอทั้งนั้น ในหนังเราคิดว่ามีเมมเบอร์ที่เป็นตัวแทนของอันดับความนิยมอยู่3คนนั่นก็คือเฌอปรางที่เป็นเมมเบอร์ระดับท็อป,ปูเป้ที่เป็นเมมเบอร์ระดับกลางและจิ๊บที่เป็นเมมเบอร์ระดับรั้งท้าย 3คนนี้ค่อนข้างที่จะมีแอร์ไทม์ในหนังเยอะโดยที่ปูเป้เป็นตัวละลายความเครียดของหนังเพราะเธอดูเป็นที่ปล่อยคำพูดที่ทำให้หลายๆ คนยิ้มออกมาและหัวเราะเบาๆ ได้ส่วนจิ๊บและเฌอปรางมีซีนที่ผู้เขียนดูแล้วถึงกับสะบั้นอารมณ์เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของไอดอลแต่เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวที่แบกความฝันอยู่ภายใต้ระบบ48กรุ๊ปมันสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตขอ ข้อคิดที่ได้หลังดูจบ: สังคมในปัจจุบันดำเนินไปด้วยการแข่งขันกันเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้ถูกเลือกเช่น การสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือการหางานที่เรายังต้องแข่งกับคนอื่นๆ เพื่อให้ได้เป็นตัวจริงสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเป็นตัวเองในแบบที่เป็นไม่ต้องไปฝืนทำตามคนอื่น พัฒนาตัวเองอย่างไม่ย่อท้อไม่ว่าจะเรื่องอะไรแล้วสักวันนึงเราจะได้เป็นตัวจริงที่เป็นตัวตนของเราจริงๆ เครดิตรูปภาพจาก: Pre-DVD girls dont cry