ก่อนหน้านี้ เราสายตาสั้นมาตั้งแต่อยู่ ป.4 และเบื่อการใส่แว่นมาเป็นสิบ ๆ ปี แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเรื่อง “เลสิก” เราก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่ามันน่ากลัวและแพง จนหลัง ๆ เริ่มเห็นเพื่อนรอบตัวโพสรูปอวดตาใหม่กันเพียบ และพอถามหลาย ๆ คนก็บอกว่าไปทำเลสิกแบบ RELEX ที่ TRSC กันมา แถมทุกคนก็เชียร์ให้ไปทำ แม้ราคาจะชวนให้หงายเงิบก็ตาม เห็นชีวิตดี ๆ ของเพื่อนบ่อย ๆ เข้า ต่อมความอยากอยู่โดยไม่ต้องพึ่งแว่นตาของเราจึงเริ่มทำงาน แต่ติดที่แพงไง T^T ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมแพงนัก เราก็เลยแอบเข้าไปส่องหาข้อมูลดูคืองี้ ต้องอธิบายก่อนว่า การทำเลสิกปกติอะ คือการผ่าตัดเปิดชั้นกระจกตาชั้นบนขึ้น แล้วใช้เลเซอร์เข้าไปปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะสม จากนั้นก็ปิดกระจกตาชั้นบนลง แผลมันก็จะใหญ่หน่อยแต่การทำ LEREX แบบที่เราทำอะ เราไม่ต้องเปิดกระจกตาขึ้น มีแค่แผลเล็ก ๆ ประมาณ 2-5 มิลเท่านั้น ซึ่งความเสี่ยงก็จะน้อยกว่า การฟื้นตัวเร็วกกว่า และน่ากลัวน้อยกว่า (ฮา) เราเลยคิดว่า ถ้าจะทำต้องยอมจ่ายแหล่ะ ตามีคู่เดียว และฉันกลัววว (แต่มันก็แพงนะ ทำไงดี T^T)และแล้วโชคชะตาก็พาให้เราได้มีตาใหม่ เมื่อน้องที่รู้จักส่งโค้ดส่วนลดพิเศษมาให้ และบอกว่า "ถ้าไม่รีบทำ อีกไม่กี่เดือนเค้าจะขึ้นราคาแล้วนะ" ทุกวันนี้ถ้ามีคนถามว่า ทำไมตัดสินใจไปทำ เราขอตอบด้วยความภูมิใจเลยค่ะว่า "เพราะเราเป็นเหยื่อการตลาดทาสโปรโมชั่นนั่นเอง 555"Part 1 นัดตรวจสายตา คือจะบอกว่า แม้จะตัดสินใจแล้วก็ใช่ว่าเราจะเดินสวย ๆ เข้าไปขอทำเลสิกได้เลยนะ มันจะต้องมีการนัดเข้าไปตรวจเช็คสภาพดวงตาของเราก่อน ว่าสามารถทำเลสิกได้มั้ย หรือควรทำด้วยวิธีอะไรการนัดหมายก็ง่าย ๆ โทรนัดเข้าไปแจ้งความจำนง และระบุชื่อคุณหมอที่อยากให้ตรวจ เราก็เลือกคุณหมอท่านเดียวกับเพื่อนที่แนะนำมานั่นแหละ สบายใจดี พนักงานก็หาเวลาให้เรียบร้อย พร้อมบอกข้อปฏิบัติก่อนเข้าตรวจมาอย่างชัดเจนการเตรียมตัวก่อนเข้าตรวจสายตาคือให้เอาบัตรประชาชนไปด้วย งดใส่คอนแทคเลนส์ก่อนมาตรวจ (แบบซอร์ฟเลนส์งด 3 วัน แบบ ฮาร์ดเลนส์งด 14 วัน) งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาแก้สิวงดตั้งครรภ์ด้วยนะ 555 ต้องมีคนดูแลมาด้วย 1 คน ประมาณนี้จ้า...Part 2 วันตรวจสายตา พอถึงวันนัด เราก็พุ่งไปที่ศูนย์แบบตรงเวลาเป๊ะ ที่ทำการของ TRSC อยู่ที่ตึกอื้อจือเหลียงแถวสามย่าน ถ้าขับรถไปก็แจ้ง รปภ. ว่ามา TRSC แค่นี้ก็เอารถไปจอดได้เลย เสาร์อาทิตย์จอดฟรีไม่ต้องสแตมป์บัตร เมื่อขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 6 ทันทีที่ลิฟท์เปิด พนักงานก็เข้ามาต้อนรับอย่างดี คือเราต้องปรบมือให้นะ อยากชมว่าที่นี่ทำงานเป็นระบบมาก พอลงทะเบียนเสร็จ ก็จะมีพนักงานมาดูแลเราเป็นรายบุคคล จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสายตา การตรวจสายตาทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นคนที่ไปรอเราต้องใจเย็นนะ ระหว่างที่เราตรวจสายตา คนที่มากับเราไปพร้อมกับเราได้ทุกด่าน หรือถ้าเค้าไม่อยากไป ก็ไล่ให้ไปดูหนังที่ HOUSE สักเรื่องก่อนค่อยกลับมาก็ได้ กระบวนการตรวจสายตามีดังนี้ ลงทะเบียน ยื่นบัตรประชาชน วัดไข้ตามมาตรการป้องกันโควิด เข้าห้องดูคลิปอธิบายรายละเอียดเรื่องการทำเลสิกแบบละเอียดยิบ เพื่อให้เข้าใจว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ เข้าด่านตรวจวัดสภาพของดวงตา ตาสั้น ตายาวแค่ไหน ความดันลูกตาปกติรึเปล่า ตรงนี้มีหลายขั้นตอน ใช้เวลานานหน่อย แต่ไม่เจ็บใด ๆ จ้า เข้าห้องหยอดยาขยายม่านตา เราชอบขั้นตอนนี้ เพราะเค้าให้นอนบนเก้าอี้นวด 555 หลังจากหยอดยาขยายม่านตาเสร็จ ตาเราก็จะเบลอ ๆ หน่อย คือมองเห็นนะ แต่มันจะเบลอ ๆ เหมือนอยู่ในความฝัน นี่สินะเค้าถึงบอกให้มีผู้ติดตามมาด้วย ตรวจตากับคุณหมออีกครั้ง เพื่อให้คุณหมอช่วยวิเคราะห์ว่า ตาของเราสามารถทำเลสิกได้มั้ย สรุปว่าผลตรวจตาของเราสามารถทำเลสิกได้ และเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองใส่แว่นเกินค่าสายตามาตลอด คือสายตาเราข้างหนึ่งสั้น 175 อีกข้างสั้น 275 แต่พี่ใส่แว่นสายตาสั้น 300 ทั้งสองข้าง (อิหยังวะ) หมอเลยบอกว่า เดี๋ยววันทำเลสิกจะตรวจสายตาให้อีกครั้ง เพื่อให้เราได้ค่าสายตาที่คุ้นชินที่สุด นอกจากนี้ ด้วยอายุอานามใกล้หลักสี่ เราก็ได้สิทธิพิเศษในการเลือกว่า เราจะทำเลสิกเผื่อสายตายาวในอนาคตที่ใกล้จะมาถึงเลยมั้ย คือถ้าทำเผื่อ หมอจะทำให้สายตาข้างหนึ่งยังสั้นอยู่นิด ๆ เพื่อที่ตอนสายตายาวจะได้ดึงกัน พร้อมกับให้เราลองใส่แว่นจำลอง ว่าเราจะมองเห็นแบบไหน เราลองแล้วขอบอกเลยว่า ฉันยอมใส่แว่นสายตายาวในอนาคตดีกว่า มันไม่ชินเลยแม่! หลังจากตรวจตาเสร็จก็ค่ำละ เราก็ออกมาจ่ายค่าตรวจ ตรงนี้ใครพร้อมก็นัดเวลาที่จะมาทำเลสิกได้เลย หรือถ้ายังไม่พร้อม ค่อยโทร. มานัดอีกทีก็ได้ (เราเลือกแบบหลัง ขอกลับไปคิดก่อน) ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เราสามารถเลือกจ่ายได้ทั้งแบบผ่อนจ่าย จ่ายโอนทั้งหมด จ่ายบัตรเครดิต หรือจ่ายเงินสดเลยก็ได้ ซึ่งถ้าจ่ายเงินสดก็จะได้ส่วนลดพิเศษอีกนิดหน่อยจ้า Part 3 วันขึ้นเขียง หลังจากไปทบทวนอยู่สองสามวัน เราก็ตัดสินใจว่าเราจะทำ เราจะเป็นคนใหม่ เราจะไม่ทนจมูกเป็นรอยอีกแล้ว! คิดได้ตามนั้นก็ไลน์ไปนัดเวลาฤกษ์งามยามดี กับพนักงานผู้ดูแลของเราเลยค่ะ ทริคของเรา คือขอเลือกทำตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ เพราะหลังจากนั้นเราจะต้องปิดตาไง กลับบ้านจะได้นอนได้เลย หลังจากได้วันและเวลาแล้ว ทางพนักงานก็แจ้งถึงการเตรียมตัวก่อนขึ้นเขียงให้เรา ซึ่งก็จะคล้าย ๆ กับวันนัดตรวจตา เพิ่มเติมคือ ให้เราใส่เสื้อผ้าที่ติดกระดุมหน้ามาด้วยนะ เพราะเราต้องปิดที่ครอบตา จะได้ถอดเสื้อง่าย ๆ ตอนกลัวบ้าน (อา...ใส่ใจรายละเอียด)พอวันนัดมาถึง เราก็เตรียมพร้อมตัวเองอย่างดี ด้วยการไปทำงานก่อนตอนเช้า แล้วไปผ่าตาตอนเย็น (เจ้านายต้องปรบมือให้ฉัน) พอไปถึงที่ศูนย์ก็ได้ไปวัดค่าสายตาซ้ำอีกครั้งตามคำสั่งคุณหมอ ชำระเงิน กินยาลดความเครียด จากนั้นก็รอเข้าห้องผ่าตัดได้เลย พูดคำว่าผ่าตัด ใคร ๆ ก็ต้องกลัวใช่ป่ะ แต่เราจะบอกว่า พนักงาน คุณหมอ และพยาบาลที่นี่จิตวิทยาดีมาก ทุกคนทำให้ความกลัวของเราน้อยลงหลังจากเดินเข้าห้องผ่าตัด ก็จะมีการนอนหยอดยาชา ซึ่งพยาบาลก็จะชวนคุยให้เราผ่อนคลาย และย้ำกับเราว่า ไม่เจ็บเลยแน่นอน จากนั้นคุณหมอก็จะมาอธิบายขั้นตอนการทำ ปิดท้ายก่อนขึ้นเตียงผ่าตัด พยาบาลจะมาถามเราด้วยว่า เราต้องการให้พยาบาลยืนจับมือระหว่างผ่าตัดมั้ย หรือต้องการตุ๊กตาบีบคลายเครียดมั้ย (เราชอบมาก โคตรน่ารัก) เราเลือกบีบตุ๊กตาอะ เกรงใจมือพยาบาล เดี๋ยวมือหัก 5555 การผ่าตัด ไม่เจ็บเลย ย้ำเสียงดัง ๆ ไม่เจ็บเลยไม่มีขั้นตอนไหนเจ็บสักนิดโดยในการผ่าตัดใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จหมอก็ใจเย็นและมีวิธีดูแลเราดีมาก ๆดังนั้นใครกลัว ไม่ต้องกลัวนะคะหลังผ่าตัดเสร็จ เราก็จะมองเห็นนั่นนี่เบลอ ๆ หน่อย แต่มองเห็นอยู่นะ มันเหมือนมีม่านน้ำบาง ๆ มาบังตาแค่นั้นแหล่ะ จากนั้นพนักงานก็จะมาปิดตาให้เราค่ะ เราก็จะกลายร่างเป็นไอ้มด x หนึ่งคืน หลายคนอาจสงสัยว่า ปิดตาแล้วมองเห็นมั้ย คือเห็นนะเราเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้ แกะถุงราดหน้ากินเองได้ กดโทรศัพท์ได้นิดหน่อย จากนั้นก็กินยาพารา รับยา และรับคำแนะนำในการดูแลดวงตาของเรา และกลับบ้านนอน หลังยาชาหมดฤทธิ์ บางคนบอกว่าอาจมีอาการเจ็บตานิดหน่อย แต่สำหรับเรา มันแค่เคือง ๆ ไม่เรียกว่าเจ็บ ไม่ต้องกินยาพาราเพิ่มแต่อย่างใด นอนหลับสนิทดีค่ะPart 4 วันเปิดตาหนึ่งคืนผ่านไป ตอนเช้าไปเปิดตาได้เลยก่อนหน้านี้อ่านจากรีวิว หลายคนบอกว่า โอ้โห! เปิดตาแล้วเหมือนได้ชีวิตใหม่ เราก็อยากสัมผัสโมเมนต์แบบนั้นมั่งอะ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ พอเปิดตา ฉันมึนงงค่ะ 555 อารมณ์เหมือนแบบ เออ มันมองเห็นชัดนะ แต่ยังมีเบลอ ๆ บ้าง พยายามมองไปรอบ ๆ ห้อง เออ...ชัดแหละ เอ๊ะ! หรือว่าไม่ชัดคือจริง ๆ มันชัดแหละ แต่ในตอนแรก ๆ มันยังสดใสแค่ 80 เปอร์เซ็นต์ไง (ยังทำมาไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยแก) แล้วเราก็อาจต้องใช้เวลาในการปรับตาสักพัก เหมือนเวลาเราเปลี่ยนแว่นใหม่อะ มันจะมึน ๆ นิดนึงพอเปิดตาแล้ว ก็เข้าไปตรวจกับคุณหมอ คุณหมอก็จะดูว่าแผลเราปิดดีหรือยัง มีอะไรที่น่ากังวลมั้ย ซึ่งทุกอย่างผ่านฉลุยจ้าจากนั้นก็คือการหมักหมมใบหน้า ห้ามล้างหน้า 3 วัน แต่ทางศูนย์จะให้น้ำเกลือมาเช็ดหน้าแทน และต้องปิดตานอนอีก 3 คืน เพื่อไม่ให้เผลอขยี้ตาตอนหลับ ส่วนผมให้ไปสระที่ร้านก่อน อย่าเพิ่งสระเอง นอกจากนี้ก็ต้องคอยหยอดยาหยอดตาวันละ 4 เวลา และหยอดน้ำตาเทียมทุก 1-2 ชั่วโมงไปอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งไม่ได้มีอะไรยากเย็นสำหรับเรา ตราบใดที่หมอไม่ห้ามเรากินชานมไข่มุก เย้!ก่อนกลับ เค้าจะให้ช่วยหยอดประเมินความคิดเห็นแบบนี้ค่ะPart 5 ชีวิตใหม่ที่แท้ทรูสายตาหลังทำเลสิกของเรามันไม่ได้ชัดแจ๋วตั้งแต่วันแรก แต่มันค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ แรก ๆ เราอาจอ่านอะไรใกล้ ๆ ไม่ค่อยชัด แต่มองไกลได้ดีมาก พอผ่านมาสักสองสามวัน เริ่มชิน และอ่านได้ปกติแล้ว อาการตาแห้งมีบ้าง โดยเฉพาะช่วงตื่นนอนใหม่ ๆ ก็หยอดน้ำตาเทียมเอา ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไปตรวจกับคุณหมออีกครั้ง ทุกอย่างโอเคมาก ไม่ได้มีอะไรให้ต้องกังวล ตาตอนนี้มองเห็นดีเหมือนใส่คอนแทคเลนส์ตลอดเวลา จนเผลอจะเอานิ้วทิ่มตาถอดคอนแทคเลนส์อยู่หลายครั้งระหว่างช่วงนี้ เราก็ไม่ต้องทำอะไรมากแล้ว แค่ระวังดวงตาของเราเหมือนคนปกติทั่วไป อาจใส่แว่นตัดแสงสีฟ้าตอนทำงาน ไม่ใช้สายตาเยอะ ๆ และไม่เอามือสกปรกขยี้ตา เท่านั้นเองจ้าสรุป ทำ RELEX ดีไหม ตอบเลยว่าดีมากกกถ้ามีตังค์ก็ทำเถอะ มันซื้อชีวิตใหม่ให้ได้จริง ๆ นั่นแหละ ที่สำคัญ ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน และไม่ยากลำบากอย่างที่คิด แต่ถ้าใครอยากประหยัด ถามว่าทำเลสิกแทนได้รึเปล่า เราก็ว่าได้นะ (มีเพื่อนเราหลายคนเหมือนกันที่ทำเลสิก และทุกคนก็โอเคมาก ๆ) อยู่ที่การตัดสินใจของเราเองหวังว่ารีวิวที่ยาวเหยียดนี้ จะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านนะคะ ของคุณที่เสียเวลาอ่านจนจบ เพราะเราก็ใช้เวลาเขียนนานมากเหมือนกัน แต่อยากให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะนึกออก เพื่อเป็นข้อมูลที่ดีสำหรับคนที่สนใจค่าเรื่องและภาพโดย หวานน้อยเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !