21 มีนาคม 2563 ขอขึ้นต้นรีวิวด้วยการบันทึกว่าเป็นวันที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศปิดห้างสรรพสินค้ายกเว้นโซนซูเปอร์มาเก็ต เป็นเวลา 22 วัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 (กันไม่ให้คนมารวมกันหมู่มาก) แต่เมื่อข่าวถ่ายทอดออกไป กลายเป็นว่า ผู้คนตื่นตระหนกแห่ไปซื้อสินค้าตุนกันแน่นเอี๊ยด จะเสี่ยงติดเชื้อก็ตรงนี้แหละ ส่วนครอบครัวผม ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่เราพักที่ จ.นนทบุรี ก็ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่นักหรอก ถึงกระนั้นเรายังไม่รีบออกไปตุนอาหาร เพราะเขาปิดแค่ห้างฯ ส่วนอาหารอื่น ๆ เปิดปกติ เราเลือกดูการ์ตูน โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) การ์ตูนที่ขึ้นชื่อว่า แฝงสาระด้านความรับผิดชอบ ความขยัน และรักธรรมชาติไว้ให้เด็ก ๆทันทีที่เพลงขึ้นเรื่องโทโทโร่เพื่อนรัก จบลง แม่ของเด็ก ๆ พลันถาม “สุสานหิ่งห้อยเหรอ” ผมรีบรับคำ เพราะตอนเลือกเรื่องเธออยู่ห้องครัว ส่วนเด็ก ๆ ยังงง ๆ กับชื่อเรื่อง “ไม่เอานะ เศร้า” แม่บ้านว่า ทำท่าจะเปลี่ยนเรื่องจนต้องเฉลย แต่...โทโทโร่เพื่อนรัก ก็มีมุมซึ้ง ๆ ให้น้ำตาคลอ ลูกสาววัย 6 ขวบถึงกับน้ำตารื้น เมื่อถึงฉากเม เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ร้องไห้วิ่งตามหาแม่ หลังจากรู้ว่าแม่ป่วยหนักโทโทโร่เพื่อนรัก เป็นเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง พ่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ส่วนแม่ป่วยเป็นโรคไขกระดูกสันหลัง ผลพวงมาจากวัณโรค ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด พ่อจึงพาลูกสาว 2 คน ‘ซะสึกิ’ กับ ‘เม’ ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ ๆ แม้จะใกล้ แต่ระยะทางจากบ้านไปโรงพยาบาลผู้ใหญ่ต้องใช้เวลาเดินเท้าถึง 2 ชั่วโมงในบ้านชนบท 2 พี่น้องต้องอยู่ตามลำพัง เพราะพ่อไปสอน ทำให้พบเข้ากับจิตวิญญาณแห่งผืนป่า ชื่อว่า ‘โทโทโร่’ ยักษ์ใหญ่ใจดี ยิ้มยียวน ขนปุกปุย ชอบนอนกลางวัน และมีอาหารโปรดเป็นลูกนัทโทโทโร่อาศัยอยู่ในมิติป่า หากจะไปเยี่ยมต้องผ่านชุ้มประตูต้นไม้เข้าไป แต่ส่วนมากเจ้ายักษ์ใจดีท่าทางอบอุ่นจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเด็ก ๆ มายืนรอรถเมล์เป็นเพื่อนก็มี มาช่วยเร่งต้นไม้ให้เจริญเติบโตเร็วก็เคย จิตวิญาณแห่งผืนป่านี้จะให้เห็นเฉพาะเด็ก ๆ และเลือกเพียงเด็กที่มีจิตใจดีอย่าง ซะสึกิ กับ เม เท่านั้นโทโทโร่ กำกับโดยฮะยะโอะ มิยะซะกิ ภายใต้การผลิตของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) เนื้อเรื่องจึงแฝงด้วยคติความเชื่อของญี่ปุ่น เช่น รถบัสแมว "เนะโกะ บะซุ" ที่สร้างมาจากคติที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า แมวเมื่อโตขึ้นจะมีพลังแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ ในเรื่องก็เป็นรถบัส เป็นต้นตอนที่เม บอกพ่อว่าเธอเจอโทโทโร่ พี่สาวของเธอไม่ค่อยเชื่อนัก ส่วนพ่อถึงไม่เชื่อกระนั้นก็ยังตอบว่า “เมคงพบเข้ากับจิตวิญญาณแห่งป่า เราจะเห็นเขาก็ต่อเมื่อเขาอยากให้เจอ และต้องเป็นคนดีด้วยนะ” หลังจากนั้นไม่นาน ซะสึกิ ก็ได้พบกับโทโทโร่เช่นกันคำตอบที่พ่อให้เม เกี่ยวกับโทโทโร่ เป็นคำตอบที่ผู้ใหญ่ควรเรียนรู้ และนำไปใช้ เพราะเด็ก ๆ ล้วนมีจินตนาการการตัดบทประมาณ “ไม่มีของอย่างนั้นหรอก” เป็นการทำลายดวงใจน้อย ๆ ของเด็ก ๆ อย่างมากมาย และความหมายที่แฝงไว้ในเรื่องนี้ โทโทโร่ก็คือจินตนาการที่เด็ก ๆ สร้างมาแทนแม่นั่นเองเรื่องราวของโทโทโร่เพื่อนรัก เริ่มจากเปิดประเด็นถึงภูติในบ้านใหม่ ให้คนดูติดตาม แล้วเรื่องราวความน่ารักของสัตว์ประหลาดก็ค่อย ๆ เข้ามา ดูเพลิน สนุก มาถึงจุดที่ซะสึกิ กับ เม ได้รับโทรเลขจากโรงพยาบาลที่แม่พักรักษาตัว พวกเธอวิตก พี่สาวสั่งให้น้องสาวอยู่บ้าน แต่ด้วยความเป็นห่วงกลัวแม่จะตาย เมไม่ฟังคำพี่ เด็กน้อยวัย 4 ขวบออกเดินเท้าไปยังโรงพยาบาล แล้วหายตัวไป ซะสึกิ ออกตามหาน้ำตาพลั่ก ส่วนนี้แหละที่ลูกสาววัย 6 ขวบของผมน้ำตารื้น เธอมีน้องชายวัย 3 ขวบ ทะเลาะกันทุกวันตามประสาเด็ก ๆ ชอบวิ่งหนีน้อง ผมเพียงเอ่ยขึ้นว่า “เห็นไหมเมหายเลย เพราะพี่ทิ้งน้อง” บางท่านอาจมองว่าแกล้งเด็ก แต่ผมมองว่านี่เป็นการสอนโทโทโร่เพื่อนรัก เมื่อดูจบแล้วก็ตามที่คำแนะนำบอก สอนให้เด็กมีวินัย รักธรรมชาติ และรักเพื่อนมนุษย์ เพราะในเนื้อเรื่องเด็กหญิง 2 พี่น้องต้องทำงานบ้าน ดูแลกันเอง วิ่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีเพื่อนบ้านที่ใจดี บริบทเหล่านี้เปรียบเสมือนยาดีที่จะซึมซับลงในจิตใจเด็ก ส่วนผู้ใหญ่ก็ได้หวนรำลึกถึงความงามที่เคยสัมผัสครั้งยังเยาว์หลังจากดูโทโทโร่เพื่อนรักจบ ยอมรับเลยว่าทำไมจึงเป็นแอนิเมะขวัญใจชาวญี่ปุ่น ขนาดคนไทยที่ต่างวัฒนธรรมยังอินได้มาก ยิ่งเจ้าของวัฒนธรรมดูเองย่อมได้รับสารที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องเต็ม ๆ แนะนำเลยครับ สามารถดูได้ที่ Netflix จะให้สะดวกกว่า Netflix ก็ติดกล่อง TrueID TV นอกจากดูช่องของ TrueID ได้แบบครบครันแล้ว ยังดู Netflix ได้อย่างลื่นไหลเชียว ผมก็ใช้ช่องทางนี้ชม (ส่วนภาพประกอบที่เป็นมือถือ เพื่อความงามเท่านั้น ถ่ายจากโทรทัศน์แล้วรก ๆ ไม่ชวนมอง) ภาพโดย ผู้เขียน