ชื่อหนังสือ : The ONE% สิ่งที่คนสําเร็จ 1% ของโลกทํา คน 99% อยากรู้เขียนโดย : คุณพอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ หนังสือเล่มนี้ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่นิวอ่านแล้วรู้ว่าประทับใจมากๆ ซึ่งเนื้อหาภายในเล่มจะเกี่ยวข้องกับแนวทางการใช้ชีวิต แนวคิด คําคมสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งนิวมองว่า สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้จริง อ่านแล้วรู้สึกว่ามี Passion มากขึ้นนิวชอบหนังสือเล่มนี้ตรงที่ อ่านแล้วรู้สึกว่านําไปใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่หนังสือขายฝัน ซึ่งแนวคิดและแนวทางการใช้ชีวิตที่หนังสือเล่มนี้ได้สอนไว้นั้น สามารถนําไปปฏิบัติตามได้จริง โดยบางข้อก็ตรงกับสิ่งที่นิวเคยลองทํามาแล้วด้วย เพียงแค่ว่า เราต้องพยายามทําอย่างสมํ่า มั่นคง มันใจ เดี๋ยวผลลัพธ์ก็จะเกิดขึ้นเองไม่ช้าก็เร็วค่ะ สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สอน คือ สอนในเรื่องการการฝึกคิดแบบ Growth mindset , สอนการฝึก Focus และการเข้าสู่สภาวะ Flow State, กฎ 5 วินาที , วิธีเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง , การสร้างวินัย การใส่ใจทําอย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งหลายๆคนล้วนมีความใฝ่ฝันอยากทํานู้น นี่ นั่น ที่ยิ่งใหญ่ แต่มีน้อยคนนักที่สามารถประสบความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเพราะพวกเขามีวินัยที่มากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ จะมีหัวข้อต่างๆที่น่าสนใจมากมายและนอกจากนี้ก็ยังมี Video book ด้วย โดยเนื้อหาภายในจะเริ่มต้นด้วยการให้นิยามของคําว่า “คน1%” ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่เป็นที่สุดของที่สุด ในแต่ละวงการและสาขาอาชีพนั้น อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะทราบแล้วว่า อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างคน 1% กับ คน 99% อย่างแรกเลยก็คือ “Mindset” ซึ่ง Mindset นี่แหละที่จะเป็นตัวกําหนดผลลัพธ์ในชีวิตคุณ คุณจะมีผลลัพธ์ในชีวิตเท่ากับขนาดของ Mindset ของคุณ โดยที่คนเราทุกคนสามารถพัฒนา Mindset ได้เหมือนการออกกําลังกาย ที่จะใช้การฝึกฝนเป็นประจําจากนั้นก็จะตามด้วยหัวข้อ “กฏที่คน 1% ใช้ ที่ 99% ควรรู้” ซึ่งมีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้ กฎข้อที่ 1 : Origin of Great Success เริ่มต้นด้วยความสําเร็จBe >> Do >> Have เป้าหมายที่เราต้องการคือ Have (ผลลัพธ์)การที่เราจะได้ Have ต้องเกิดจาก Do (ทํา)และสิ่งที่ทําให้เกิด Do คือ Be (การเป็น หรือ การเชื่อ)ดังนั้น ไม่ว่าเราจะต้องการผลลัพธ์แบบไหน เราต้องเริ่มจากการเชื่อก่อน เมื่อเจอสถานการณ์แย่ๆก็อย่าเพิ่งท้อ เพราะเราสามารถเปลี่ยนสถานการณ์แย่ ๆ ด้วยการสร้างสถานการณ์ดี ๆ ขึ้นมาได้เสมอ กฎข้อที่ 2 : Extreme Ownership ความสามารถในการควบคุมทุกอย่างได้Event(เหตุการณ์) + Response(การตอบสนอง) = Outcome(ผลลัพธ์)หลายๆคน อาจจะคิดว่า คนนู้นเก่ง คนนี้เก่ง เป็นเพราะพรสวรรค์ แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่เลย พรแสวงต่างหากที่ทําให้เขาเก่งได้ ดังคํากล่าวของ Cristino Ronaldo “Talent without working is notthing. พรสวรรค์ที่ปราศจากการฝึกฝนอย่างหนักนั้นสูญเปล่า” คนที่มี Ownership สูง Event หรือเหตุการณ์ต่างๆจะไม่มีผลต่อเขาเลย เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะตอบสนองไปในทาง Productive ได้เสมอ จึงส่งผลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต คนที่มี Growth Mindset จะเชื่อว่า ฉันเรียนรู้ได้ เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าให้เวลาฉัน ฉันแค่ยังทำไม่ได้ตอนนี้ ส่วนคนที่มี Fixed Mindset เชื่อว่า ฉันเกิดมาเป็นอย่างนี้ ทำได้แค่นี้จำกัดอยู่แค่นี้ ฉันไม่มีวันทำได้ไม่ว่าตอนไหน กฎข้อที่ 3 : Power of Perseverance กัดไม่ปล่อยคนสำเร็จ 1% ล้วนมีเรื่องนี้สูง นั่นก็คือ Perseverance ซึ่งก็คือ ความสามารถในการโฟกัสกับเป้าหมายในระยะยาว ไปต่อได้ทั้งๆที่เกิดอุปสรรคมากมายหรือ AQ โดยคนที่มี AQ สูง เขาจะมองปัญหาว่าเป็นความท้าทาย ซึ่งต้องเอาชนะมันให้ได้ จากนิตยสาร Forbes ได้ทำการวิจัยไว้ว่า เศรษฐีลำดับต้นๆของโลกมีมากถึง 70% ที่สร้างตัวเองแบบ Self Made หรือบุคคลที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองมาจากศูนย์หรือมาจากติดลบด้วยซ้ำ ไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณตา พ่อรวยแม่รวยแล้วส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป คนกลุ่มนี้กลับเป็นคนรวยส่วนน้อยมากๆ คนรวยระดับโลกนั้นมาจากกลุ่มคนที่ขึ้นบันไดด้วยตัวเองมากมาย บางครั้งพวกเขาเดินสวนบันไดเลื่อนที่เลื่อนลงมาด้วยซํ้า โดยทุกคนมีบันไดเป็นของตัวเอง ตอนนี้คุณก็กำลังขึ้นบันไดอยู่ ทุกคนย่อมมีความลำบาก ทุกคนย่อมมีแรงเสียดทานอยู่ ซึ่งวิธีการเพิ่ม Perseverance ก็คือ ต้องมีฝันในระดับจิตใต้สำนึก , Growth Mindset , โฟกัสที่ระหว่างทางไม่ใช่โฟกัสที่ปลายทาง และทำอะไรที่ท้าทายมากขึ้นทุกๆวัน กฎข้อที่ 4 : Flow (ภวังค์) คําคําเดียวที่บ่งบอกถึงเคล็ดลับความสําเร็จของบิล เกตส์และวอร์เรน บัฟเฟตต์ คือคําว่า “Focus” คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าโฟกัสคือการ say yes กับสิ่งที่ใช่ แต่ในความจริงแล้วโฟกัสยังรวมถึงการ say no กับสิ่งที่ไม่ใข่อีกหลายๆอย่างด้วย ในเมื่อคุณต้องการที่จะทําอะไรสักอย่างให้ประสบความสําเร็จในระดับสูง คุณจะต้องพุ่งไปที่สิ่งนั้นสิ่งเดียว เพราะสมองของเราสามารถทําได้ทีละ 1 อย่างเท่านั้น กฎข้อที่ 5 : Super Self Discipline วินัยแบบคน 1%ถ้าคุณมีวินัยอะไรก็เป็นไปได้ ถ้าไร้ซึ่งวินัยอะไรก็เป็นไปไม่ได้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากสําเร็จไม่จําเป็นต้องฉลาดกว่าคนอื่น แต่ต้องมีวินัยมากกว่าคนทั่วไป” เพราะวินัยเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเป้าหมายและความสําเร็จ กฎข้อที่ 6 : Unstoppable Self-Confidence สร้างความสําเร็จด้วยความมั่นใจWinston Churchill ได้กล่าวไว้ว่า “ความสําเร็จคือการย้ายจากความล้มเหลวไปเรื่อยๆ โดยไม่สูญเสียความกระตือรือร้น” ถ้าวันนี้ผิดพลาดไม่เป็นไร ทุกอย่างแก้ไขได้ คุณเลือกได้ทั้งหมดว่าต่อจากนี้ไป คุณจะกลายเป็นคนที่มี Self Confidence สูงขนาดไหนก็ได้ ตามความต้องการของคุณ “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน ชีวิตจะมอบบทเรียนใดให้กับคุณก็ตาม ขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวเอง แม้ไม่มีใครเคารพคุณ คุณจงเคารพตัวเอง” กฏข้อที่ 7 : Entrepreneurial Mindset ความมั่งคั่งที่สั่งได้กฏข้อสุดท้าย เป็น Mindset ที่สําคัญที่สุดของคน 1% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณต้องการประสบความสําเร็จทางด้านการเงิน คุณต้องมีหัวใจของผู้ประกอบการ หรือมีหัวการค้า Nolan Bushnell ได้กล่าวไว้ว่า “ผู้ประกอบการตัวจริงคือนักลงมือทํา ไม่ใช่นักฝัน”ก็จบกันไปแล้วสําหรับกฏทั้ง 7 ข้อนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า Mindset ต่างกันไม่มาก แต่ในความจริงแล้ว พอนานๆเข้าสัก 10 ปี 20 ปี จะต่างกันราวฟ้ากับเหว นี่คือหน้าที่ของหนังสือเล่มนี้ ที่เหลือคือหน้าที่ของคุณ ที่จะต้องก้าวไปข้างหน้า เครดิตรูปทั้งหมดรูปที่ 1 ภาพถ่ายโดย newnewlyรูปที่ 2 ภาพถ่ายโดย newnewlyรูปที่ 3 ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/premium-photo/executive-marketing-hand-holding-red-dart-put-centre-target-board-business-investment-goal-target-concept_7314502.htm#page=1&query=focus&position=10รูปที่ 4 ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/photos/concept-man-papers-person-plan-1868728/