ไลฟ์แฮ็ก
รีวิว ปีแรกของการเป็นมนุษย์เงินเดือน ในเมืองกรุง
บทความนี้อยากเขียนให้เป็นไดอารี่ของตัวผู้เขียนเองด้วย เมื่อมองตัวเองย้อนกลับมาอีก 2-3 ปีข้างหน้าว่าตอนปีแรกที่เราทำงานเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราได้พัฒนาตัวเองไปสู่จุดไหนบ้าง เราทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันหรือยัง
สำหรับคนที่พึ่งเริ่มทำงานโดยเฉพาะที่ทำงานที่แรก (First Jobber) ถ้าได้ผ่านมาอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่า เห้ย! ข้อนี้อยากลองปรับไปใช้ดู ผู้เขียนยินดีมาก
เราอยากรวบรวมสิ่งที่คนทำงานปีแรกควรจะได้รู้ และลองทำ เพราะบางอย่างเอาจริงๆก็ไม่มีใครมาบอกหรอก รุ่นพี่ที่ทำงานเขาก็คงไม่ได้มาบอกทุกเรื่อง เพราะแค่งานบริษัทมันก็ยุ่งมากอยู่แล้ว เราจะรวบรวมเป็นข้อๆละกัน
1. กล้าที่จะลองผิดลองถูก
ปีแรกลองทำไปเลย ผิดถูกไม่ว่ากัน เพราะถ้าเรามี Position ที่สูงขึ้น เวลาถามอะไรหรือทำอะไรผิด คนอื่นจะมองทันทีว่านี่ขนาดเป็น Senior แล้วยังทำผิดอีกเหรอ ซึ่งมันเจ็บจี๊ด ผู้ใหญ่จะยังเอ็นดูเราอยู่ ถ้าเราทำผิดตรงไหน ปรึกษาผู้ใหญ่เลย อย่าคิดเองเออเอง เพราะผู้ใหญ่อาจเคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อนแล้วเข้าอาจจะมีคำปรึกษาที่ช่วยเราได้ แล้วเราก็เรียนรู้ให้เป็น Lesson ของเรา
Advertisement
Advertisement
2. Do Things in Advance
คือการทำอะไรก็แล้วแต่ที่เหนือความคาดหมายขึ้นไปอีก ถ้าทำงานมาได้ซัก 3 เดือน ภาพการทำงานในหัวเราจะค่อนข้างเป็นระบบมากขึ้นว่าสเต็ปต่อไป 1 2 3 คืออะไร ซึ่งปกติ Junior อย่างเราจะได้รับการมอบหมายให้ทำงานกับพี่ๆ Senior ซึ่งเป็นการ On the job training อย่างหนึ่ง อยากให้ลองทำอะไรที่มัน Extra mile เช่น ตอนนี้เราอยู่ที่สเต็ป 2 แล้ว เราไม่ต้องให้พี่ๆมาบอกว่า เห้ย! A อย่าลืมทำอันนี้นะ คืออยากให้ทำไปเลยล่วงหน้า เขาจะเห็นว่าเรามีศักยภาพในหารเรียนรู้และเข้าใจระบบของการทำงานมากขึ้น เอาจริงๆเขาจะค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลยด้วยซ้ำ ส่วนตัว
3. สภาพแวดล้อมและคนที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญ
ทำงานในที่ที่เรารู้สึกว่าอยู่แล้ว เราได้อะไรจะคนในที่ทำงาน มันไม่ใช่การ take advantage นะ แต่เราจะได้การคิดอะไรใหม่ๆ ได้ความรู้ใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้ อย่าอยู่ในที่ที่เราอยู่ตรงนั้นที่เราเก่งสุด เพราะเราจะไม่ได้พัฒนาอะไรเลย ถ้าวันวันนึงในที่ทำงานพูดแต่เรื่องหวยออกอะไร ละครเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง เราจะไม่ได้พัฒนาอะไรเลย
Advertisement
Advertisement
4. อดทนอย่างเหมาะสม
อยู่ที่แรกให้ได้อย่างน้อย 1 ปี เรื่องนี้เราคิดหนักมากว่ามันจะกระทบกับงานต่อไปหรือเปล่า แต่คุยกับพี่ๆเกือบทุกคนต่างบอกว่าให้อยู่ไปอย่างน้อย 1 ปี เพื่อที่ไม่กระทบกับ CV เพราะแน่นอน HR ที่ใหม่จะต้องถามเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ระยะสั้น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ไม่ผ่านโปรเหรอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ป๊ะ ซึ่งถ้ามั่นใจว่าที่แรกของเรามันไม่โอเคจริงๆ เราไม่ฟิตกับตรงนั้น วัฒนธรรมองค์กร Work life balance ไม่โอเคก็ออกเถอะ ก่อนที่สุขภาพจิตเราจะแย่
5. Work Life Balance
เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรายังทำไม่ได้ ทุกวันนี้กลับบ้านดึกมาก แต่ก็เลือกที่จะกลับดึกเองด้วย ก็เลยโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง หาเวลาออกกำลังกายซักหน่อย แบบหลังเลิกงาน แต่เท่าที่รู้มาการออกกำลังกายตอนเช้าจะดีที่สุดเพราะเผาผลาญดี ระหว่างนั่งที่ออฟฟิศก็อาจจะบริหารกล้ามเนื้อเล็กน้อย ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเป็น Office syndrome
Advertisement
Advertisement
6. ต้องรู้จักอดออม
เอาจริงไม่รู้คนอื่นออมเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ 10% จากเงินเดือนเราว่าก็โอเคแล้ว หลังจากนี้จะเอาไปทำอะไรก็ว่ากัน เพราะเอาจริงๆทุกวันนี้ไม่รู้ตัวเองบริหารเงินดีไหม แต่ก็มีความเดือนชนเดือน เหมือนพอหาเงินเองได้ เหนื่อย อยากให้อะไรกับตัวเอง มันก็จะหมดไปกับอะไรที่แบบไร้สาระ ซึ่งก็รู้ตัวนะ แต่ตอนนี้เราพยายามแก้อยู่ เราไม่ได้มีบ้านทีกรุงเทพก็เลยต้องหาอพาร์ทเมนท์เอง จ่ายค่าเดินทางเอง ค่าอาหาร ซึ่งชีวิตในกรุงเทพมันมีความ struggle ในตัวของมัน มันอาจจะยากแต่ลองดู
การทำงานปีแรกเราว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว เรียนรู้งาน วัฒนธรรมองค์กร และอื่นๆอีกมากมาย ถามตัวเองว่าตอนนี้เราแฮปปี้กับที่ตรงนี้ไหม จินตนาการว่าเราจะอยู่กับงานนี้ บริษัทนี้ในระยะยาวได้ไหม เราว่าคนที่ตอบได้ดีที่สุดก็คงเป็นตัวคุณเอง :)
ความคิดเห็น