ทราบไหมคะว่า "หัวหุ่น" คืออะไร ? นอกจากหมายถึงส่วนหัวของหุ่นแล้ว คำว่า "หัวหุ่น" สำหรับอาชีพตัดผมและเสริมสวย ก็คือคนที่อาสาเป็นแบบให้ช่างตัดแต่งทรงผมนั่นเอง ในขณะที่ช่างตัดผมโดยเฉพาะที่ยังเป็นนักเรียนซึ่งอ่อนประสบการณ์ ต้องการทำชั่วโมงตัดให้ได้มากๆ เพื่อจะได้ฝึกทักษะตัด ซอย เล็ม ไถ ฯลฯ ในวิชาชีพของเขาจนกว่าจะจบหลักสูตรและประกอบอาชีพได้ ดังนั้น หัวหุ่นจึงต้องคู่กับช่างตัดผม ด้วยความบังเอิญ ผู้เขียนมีโอกาสได้เป็นหัวหุ่นครั้งแรกในชีวิต เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา จึงขอนำมาแชร์ต่อค่ะว่า น่าสนใจมากทีเดียว ทั้งยังไม่เสียเงินอีกด้วย วันนั้น ขณะที่กำลังเดินอยู่บนทางเท้าริมสวนสาธารณะของเทศบาลนครนครราชสีมา มุ่งหน้าไปทางประตูพลแสน ซึ่งเป็นประตูเมืองเก่าฝั่งทิศเหนือตามผังเมืองเดิมของเมืองโคราช เมืองหน้าด่านในอดีต ใต้ร่มฉำฉาใหญ่ติดซุ้มประตูนั้น ผู้เขียนเห็นช่างตัดผมชายกำลังยืนตัดแต่งทรงผมให้ผู้รับบริการบนเก้าอี้พลาสติกอย่างขะมักเขม้น ประมาณสี่ห้าคู่ และมีอาจารย์สตรีท่านหนึ่งคอยตรวจงานและให้คำแนะนำแก่บรรดาช่างฝึกหัดเหล่านั้น ตอนนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่า พบหน่วยบริการตัดผมฟรีอีกแล้ว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าผมของตนเองกำลังยาวปรกหน้าและแยงหูพอดี เอ...ถ้าเราจะลองหาประสบการณ์เป็นหัวหุ่นดูสักครั้งก็ไม่เสียหายนะ เพราะทรงเดิมของเราเป็นรองทรงผู้หญิง ช่างตัดผมชายต้องรับได้แน่นอน ว่าแล้วผู้เขียนก็เข้าไปเจรจาและตกลงกันด้วยดี ได้รับคำต้อนรับจากน้องบอมบ์ ช่างฝึกหัดที่กำลังพักกินอาหารว่างอยู่ "เชิญเลยครับๆ" แล้วเขาก็บอกว่าให้นำภาระที่ติดมือมาไปวางไว้อีกด้านหนึ่ง เพื่อไม่ให้เส้นผมปลิวหล่นเปรอะเปื้อน "เอาทรงเดิม แต่ทำให้สั้นลงนะครับ" เขาทวนคำของผู้เขียนด้วยน้ำเสียงสุภาพ "เดี๋ยวผมซอยกรรไกรให้" หลังจากสวมเสื้อคลุมสีขาวของช่างตัดผมแล้ว เมื่อผู้เขียนนั่งบนเก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่ง น้องบอมบ์ก็คลุมผ้ากันเปื้อนลงมาบนไหล่ของผู้เขียนทันที เขาเอ่ยคำขอโทษเมื่อต้องเอื้อมมือมาจัดการกับตำแหน่งการหนีบผ้าคลุมที่ปกเสื้อ จากนั้นก็เริ่มขยับกรรไกรในมือ "ตูม !" เสียงลึกลับดังขึ้นเบื้องหลัง ทุกคนชะงักก่อนจะรีบเดินออกไปดูต้นเสียงที่มาจากด้านหลังซุ้มประตู รวมทั้งผู้เขียนด้วย ที่เสาไฟฟ้าต้นหนึ่งมีควันลอยกรุ่น เริ่มมีกลิ่นแปลกๆ ลอยออกมา ผู้เขียนจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 191 ว่าเกิดเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด แล้วก็มานั่งเป็นหัวหุ่นต่อไป เพราะว่าช่างไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่ต้องต่อกับสายไฟ ตัดแบบนี้ไม่ต้องมีกระจกส่อง พอบอกทรงแล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในมือของช่างไปเลย (เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน) มีเสียงเพลงจากตู้ลำโพงที่น้องๆ ช่างนำมาเปิดเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไปด้วย น้องบอมบ์ ช่างฝึกหัดที่ตัดผมให้ผู้เขียนเป็นหนุ่มรับจ้างส่งอาหารวัย 29 ปี ตั้งใจมาเรียนเพราะอยากได้ทักษะอาชีพติดตัว หลักสูตรนี้คือเรียนตัดผมชาย 3 เดือน ค่าเล่าเรียน 9,500 บาท ไม่รวมอุปกรณ์ อาจารย์ผู้สอนชื่อ เรณู ศรีสุระตานนท์ จากสถาบันกัลบกสยาม และเป็นเจ้าของร้าน "เร บาร์เบอร์" ในซอยติดห้างเซฟวันในตัวจังหวัด ส่วนผู้เรียนเกือบทั้งหมดเป็นชาย คละกันทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน มีผู้หญิงบ้าง ในรุ่นนี้มีนักเรียนทั้งหมดสิบคน แต่วันนี้มาไม่ครบ วันจันทร์ถึงศุกร์ของทุกสัปดาห์ เวลาสามโมงเช้าจนถึงบ่ายสองโมง ทั้งอาจารย์และนักเรียนจะออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ไปยังทำเลเดิมรอบๆ ตัวเมือง เพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปที่ต้องการเป็น "หัวหุ่น" ได้แก่ จันทร์ --ตลาดสุรนคร, อังคาร--ประตูไชยณรงค์ (ประตูผี), พุธ--ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา, พฤหัสบดี--ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี นครราชสีมา, ศุกร์--ประตูพลแสน วันนั้น น้องบอมบ์ตัดไปก่อนราวสิบนาที จากนั้นเขาก็เชิญอาจารย์มาดู และส่งต่อกรรไกรให้อาจารย์ ก่อนจะใช้น้ำฉีดพรมลงไปบนศีรษะของผู้เขียนตามคำบอก (ตอนแรกไม่ได้ฉีด) จากนั้นจึงเป็นฝีมือของอาจารย์บ้าง ได้ยินเสียงบอกสอนเป็นระยะ พร้อมกับมีนักเรียนบางคนที่เข้ามายืนดูใกล้ๆ "ที่จริงต้องตัดตามแนว แต่อาจารย์ชอบตัดแบบนี้มากกว่า" เสียงอาจารย์พูดเบาๆ "คือจะทำยังไงก็ได้ใช่ไหมครับ แต่ให้ออกมาสวย" น้องบอมบ์เสริม สรุปว่า วันนั้นผู้เขียนเป็นหัวหุ่นให้ทั้งนักเรียนและอาจารย์เรณู ใช้เวลาทั้งสิ้น 25 นาทีก็เรียบร้อย ได้ทรงผมเก่าที่สั้นลงอย่างมีศิลปะ (เดิมให้คนใกล้ตัวจัดการจนเกิดรอยแหว่งเว้าประหลาดบางจุด) น้องบอมบ์เป็นคนปิดงานด้วยการปัดต้นคอให้ด้วยแปรงขนนุ่ม สุดท้ายตอนขอถ่ายภาพหมู่ของอาจารย์และนักเรียนเพื่อเป็นที่ระลึก ผู้เขียนก็เกือบสะดุ้งอีกครั้งเมื่อพบว่า นักเรียนตัดผมในรอบนี้ไม่ธรรมดาตรงที่มีทั้งคนพิการเป็นใบ้ และเด็กหญิงวัย 12 ปี อีกหนึ่งคนคือ "น้องพริกไทย" ซึ่งวันนี้เธอได้มาเรียนตัดผมด้วย เธอบอกว่าตั้งใจมาเรียนตัดผมชายเพื่อกลับไปช่วยน้าที่เปิดร้านอยู่ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ชื่อร้าน "แสบซ่าบาร์เบอร์" โดยมีคุณยายคอยติดตามรับส่ง เมื่อผู้เขียนถามว่า มาเรียนตัดผมเพื่อรอโรงเรียนเปิดเทอมใช่ไหม เธอตอบพร้อมส่ายหน้า "ไม่ค่ะ ไม่ได้เรียนแล้ว" ผู้เขียนงง จึงถามต่อว่า "ทำไมล่ะคะ ?" "รออายุสิบห้าแล้วค่อยไปเรียน กศน.ค่ะ" เธอตอบยิ้มๆ หลังร่ำลากันแล้ว ผู้เขียนเดินออกมาจากบริเวณนั้นด้วยความรู้สึกปะปนกัน ทั้งเบาสบายศีรษะที่ไม่มีผมมาปรกหน้าและแยงใบหูอีก กับรู้สึกพิศวงในมนต์เสน่ห์ของวิชาชีพตัดผมชายซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ไม่เสียดายการศึกษาในระบบอีกต่อไป ถึงอย่างไรก็ขอขอบใจน้องบอมบ์ ช่างฝึกหัด และขอขอบคุณอาจารย์เรณู ศรีสุระตานนท์ มืออาชีพวิชาตัดผมชายจากสถาบันกัลบกสยามด้วยใจจริงค่ะ(ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน)