ผิดหรือที่ใครสักคนจะรักคน ๆ หนึ่งอย่างไม่มีข้อแม้ แล้วถูกหรือที่เราต่างสร้างข้อจำกัดทุกอย่างบนโลกเพียงแค่คิดว่าทุกอย่างมันต้องอยู่ในกรอบที่ควรเป็น ผู้ชายใส่กางเกง ผู้หญิงใส่กระโปรง ผู้หญิงชอบสีชมพูแล้วผู้ชายจะชอบสีชมพูบ้างไม่ได้หรือ ใครกันที่กำหนดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา มากไปกว่านั้นเรายังจำกัดแค่ว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง สังคมตีกรอบเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่อดีต มีคนจำนวนมากเท่าไรแล้วที่ต้องทุกข์ทรมานจากค่านิยมดังกล่าว ซ้ำยังถูกตราหน้าว่าไม่ปกติ อะไรกันที่บ่งบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ปกติ เพราะผู้ชายไม่ใคร่จะมีความปรารถนาในตัวผู้หญิงอย่างนั้นหรือ หรือเพราะผู้หญิงไม่ได้รู้สึกชอบอะไรในตัวผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว แบบนี้หรือที่ทำให้เราตัดสินว่าเขาไม่ปกติ ความคิดเหล่านี้สร้างบาดแผลให้ใครต่อใครมามากเกินพอแล้ว เราต่างมีหนทางของตัวเอง ดังนั้นเราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตของใคร ใครจะเป็นอะไร จะรักใคร มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา จริงอยู่ที่ค่านิยมบางเรื่องถูกปลูกฝังมารุ่นสู่รุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีและเหมาะกับยุคสมัยใหม่ไม่ได้ ถ้าเอ่ยถึงประเด็นเรื่อง LGBTQ+ ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่เข้าใจและประเด็นนี้ก็ยังคงถูกนำไปพูดในเชิงตลกขบขัน โดยไม่รู้เลยว่ากำลังทำร้ายจิตใจใครคนหนึ่งอยู่ ที่สำคัญคือผู้คนที่อยู่รายล้อมล่ะ ยอมรับได้มากแค่ไหน ? หากเขาเปิดเผยตัวตนออกมา สำหรับใครที่ติดตามวงการบันเทิงไต้หวันก็จะทราบกันดีว่าไต้หวันผลิตผลงานออกมากมายที่สะท้อนความเป็น LGBTQ+ และ Your Name Engraved Herein หรือชื่อภาษาไทยคือ ชื่อที่สลักไว้ใต้หัวใจ ก็เป็นหนึ่งผลผลิตของวงการภาพยนตร์ไต้หวันที่สร้างรายได้ถล่มทลายเช่นกันYour Name Engraved Herein เรื่องราวของเด็กผู้ชายม.ปลายสองคนในโรงเรียนชายล้วนภายหลังที่ไต้หวันประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ปี ค.ศ. 1987 อาฮั่น รับบทโดย Edward Chen และ เบอร์ดี้ รับบทโดย Tseng Jing-hua เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก อยู่ชมรมเดียวกัน ชวนกันทำเรื่องแสบ ๆ อยู่ตลอด ทว่าตอนนั้นการรักเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องที่ได้ไม่รับการยอมรับ ใครที่แตกต่างจะถูกมองว่าเป็นพวกผิดปกติและมักโดนทำร้ายร่างกาย ทุกอย่างก็ดำเนินมาเรื่อย ๆ จนกระทั้งอาฮั่นเริ่มรู้สึกว่าเขามีความรู้สึกบางอย่างให้กับเพื่อนสนิทอย่างเบอร์ดี้ และก็หวังว่าเบอร์ดี้จะรู้สึกเหมือนกัน แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะหลังจากที่มีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกทางโรงเรียนก็เปิดรับสมัครนักเรียนผู้หญิงเข้ามาเรียนเป็นเทอมแรก ทำให้พวกเขาพบกับ ปันปัน สาวน้อยน่ารักที่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเบอร์ดี้ ทำให้อาฮั่นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกและไม่อาจกลับไปสนิทกันแบบเดิมได้ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงหาคำตอบให้กับตัวเองว่าเขาสิ่งที่เขารู้สึกกับเพื่อนสนิทนั้นใช่ความรักหรือเปล่าและคิดว่าเบอร์ดี้ก็รู้สึกแบบเดียวกัน มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทั้งสองก็ต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย อาฮั่นและเบอร์ดี้ไม่ได้เจอกันอีกเลยหลังจากนั้น จนกระทั่งหลังจบงานเลี้ยงรุ่นของชมรม อาฮั่นได้ช่องทางการติดต่อหาเบอร์ดี้ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่ก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว เรื่องราวของพวกเขาจะจบลงเช่นไร ไปติดตามกันเต็ม ๆ เรื่องได้ที่ Netflix ความคิดส่วนตัวเราให้เรื่องนี้เต็มสิบแบบไม่หักเลยค่ะ เพราะตอนที่เราเห็นตัวอย่างภาพยนตร์ เราก็สนใจเรื่องนี้ทันทีเลย ด้วยเส้นเรื่องที่มีความใกล้ตัวเรามาก ๆ หรือแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมที่เราเคยเจอมา ทำให้เราอินกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ นักแสดงในเรื่องสามารถถ่ายทอดความอึดอัดในใจของพวกเขาให้เราสัมผัสได้ ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องบรรยากาศมันอบอวลไปด้วยความอึดอัด ความหม่นหมอง การเก็บซ่อนความรู้สึก เราเห็นมันผ่านแววตาของนักแสดง แม้แต่ในยามที่มีความสุขก็สุขแบบลับ ๆ ไม่อาจแสดงความรู้สึกออกมาทั้งหมดเพราะมีข้อจำกัดบางอย่าง ความน่าสนใจอีกอย่างคือไต้หวันเป็นประเทศที่ให้เสรีในเรื่องเพศค่อนข้างมากและเป็นประเทศแรกในเอเชียที่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันสมรสกันได้ ทำให้เราเห็นความพิเศษของไต้หวันตรงนี้แหละว่าเขามีวิธีคิดอย่างไรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างไร อันนี้หากใครสนใจเป็นพิเศษไปหาอ่านกันได้นะคะ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ หรือจะมองอีกมุมหนึ่งคือทั้งที่ไต้หวันเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้จนมีกฎหมายรองรับขึ้นมา เหตุใดเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Your Name Engraved Herein ถึงสวนทางกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทั้งที่เราทราบกันดีว่าไต้หวันเป็นประเทศที่เปิดรับเรื่องนี้ ดังนั้นทำไมถึงไม่สร้างให้เรื่องราวของทั้งคู่ดีกว่านี้ ? เราอยากให้ทุกคนไปหาคำตอบกันเองในเรื่อง เพราะทุกคำถามที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะได้ดู เราจะได้คำตอบหลังจากที่ตกตะกอนความคิดทุกอย่างแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เต็ม ๆ ก็อาจจะจินตนาการไม่ออกว่าบรรยากาศในเรื่องเป็นอย่างไร แต่สำหรับใครที่ดูตัวอย่างหรือพอรู้เรื่องมาคร่าว ๆ แล้วก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าก่อนหน้าที่จะมีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกหรือในช่วงหลังประกาศยกเลิก ย้อนกลับไปยุค 90 ของไต้หวันอีกครั้ง การชอบเพศเดียวกันในไต้หวันยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ก็ได้มีการเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านั้นแล้ว เราจะเห็นได้จากฉากที่มีการยืนประท้วงเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมของกลุ่ม LGBTQ+ ในการแต่งงาน สะท้อนการเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนในไต้หวันช่วงนั้น หรือแม้แต่กระทั่งคำพูดของอาฮั่น ตัวละครหลักในเรื่องที่พูดกับคุณพ่อว่า ...คุณชอบผู้หญิงได้ แต่ผมชอบผู้ชายไม่ได้สินะ.. และอีกหลายคำพูดมากมายที่สื่อถึงความเจ็บปวดในใจ จนมาถึงตอนจบก็เป็นตอนจบที่ทำให้เราร้องไห้อยู่ในใจ เป็นฉากจบที่ตอบคำถามทุกอย่างของเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยมสุดท้ายและท้ายสุด หากใครได้ดูเรื่องนี้แล้วมีความเห็นไม่ตรงกับเรา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร บางครั้งเราทุกคนล้วนมีตอนจบในแบบที่เราอยากได้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตอบกับเราตรง ๆ ว่าสุดท้ายเรื่องราวความรักของอาฮั่นและเบอร์ดี้เป็นอย่างไรหลังจากที่ทั้งสอนหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ระหว่างทางทั้งคู่ล้วนประสบเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย โตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น รวมถึงมีครอบครัว สำหรับเราเอง เราคิดว่าการที่เราโตมาจนถึงตอนนี้ เราไม่เคยคิดว่าการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องแปลก เราเคารพทุกความสัมพันธ์ของทุกคน เพราะสุดท้ายเราต่างเฝ้าตามหาใครสักคนที่ใช่ การมีความรักไม่ใช่เรื่องผิด ดังนั้น เราจึงคิดว่าสุดท้ายทั้งสองก็ได้กลับมาเจอกันและปลดล็อคความค้างคาในใจที่มีต่อกันมานาน ทำให้เรารับรู้ว่าที่ผ่านมาอาฮั่นไม่ได้รักเพื่อนสนิทของเขาอยู่ฝ่ายเดียว ขอบคุณภาพปก : Your Name Engraved Herein(2020 Taiwan Film)ขอบคุณภาพประกอบ : ภาพที่ 1-10 , ภาพที่ 11-13 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !