วันนี้เป็นอีกวันนะคะที่เราต้องหยุดเชื้ออยู่กับบ้าน แล้วก็เป็นอีกวันที่เราต้องหาอะไรทำซึ่งแน่นอนหนึ่งในกิจกรรมน่าสนใจในเวลาที่พยายามอยู่บ้านให้มากที่สุดนี้คงหนีไม่พ้น อ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนัง หนังน่าดูใหม่ ๆ ก็ออกมาให้เราได้ดูเยอะแยะ แต่หนังบางเรื่องแม้ผ่านมาหลายปีก็ยังน่าหยิบมาดูอยู่นะคะ วันนี้ขอแนะนำหนังแนวโรแมนติกเรื่อง Pride and Prejudice ชื่อไทยคือดอกไม้ทระนงกับชายชาติผยอง สำหรับเรื่องPride and Prejudice เป็นนวนิยายประเภทเรียลลิสติกเรื่องแรกๆ ของโลก ประพันธ์โดย เจน ออสติน นักประพันธ์ชาวอังกฤษ ผลงานของเธอจัดว่ามีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น และที่น่าทึ่งคือนวนิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์มา 200 กว่าปีแล้ว ได้รับการแปลในภาษาต่าง ๆ หลายภาษา ในภาษาไทยก็มีนะคะใช้ชื่อว่าสาวทรงเสน่ห์ ในฉบับภาษาไทยได้รับการแปลโดยจูเลียตซึ่งเป็นนามปากกาของคุณชนิด สายประดิษฐ ภรรยากุหลาบ สายประดิษฐนักประพันธ์ชั้นครูอีกคนหนึ่งของไทย สาวทรงเสน่ห์ตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2493 โดยสำนักพิมพ์บำรุงสาส์น ซึ่งก็ผ่านมา 70 ปีแล้วนะคะ แม้ผ่านกาลเวลามานานขนาดนั้นแต่จนถึงวันนี้เรื่องนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ครั้งล่าสุดคือใน 2005 ซึ่งวันนี้เราจะมารีวิวหนังฉบับนี้เนี่ยแหละค่ะ สำหรับหนังเรื่อง Pride and Prejudice 2005 นำแสดงโดย Keira Knightley แสดงเป็น Elizabeth Bennet นางเอกของเรื่อง ส่วนคุณดาซี่ พระเอกสายซึนคนแรก ๆ ของโลก(ยึดตามบทประพันธ์) แสดงโดย Matthew Macfadyen ส่วนคุณบิงลีย์เพื่อนสนิทพระเอกในเรื่อง รับบทโดย Simon Woods ต่อจากนี้คือสตอรี่ไลน์ + สปอย เล็ก ๆ นะคะ เริ่มเรื่องมาเป็นช่วงเวลาต้นศตวรรษที่ 19 ประเทศอังกฤษในช่วงเวลานั้นหญิงสาวที่ได้รับการอบรมดีหน่อยพ่อแม่จะหาทางชักนำชายหนุ่มที่ได้รับการอบรมดีเป็นสุภาพบุรุษมาให้ลูกสาวได้รู้จักผ่านทางงานเลี้ยงเต้นรำ ซึ่งงานเลี้ยงเต้นรำประเภทนี้จะนิยมจัดขึ้นทั่วประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะในเมืองใหญ่หรือในชนบท นอกจากไว้พบปะสังสรรค์แล้วยังเอาไว้สำหรับให้หนุ่มสาวได้เข้าสังคมและทำความรู้จักกันด้วยซึ่งเป็นค่านิยมในยุคสมัยนั้น และกล่าวถึงครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะเป็นชนชั้นกลาง อาศัยอยู่ในชนบท คือครอบครัวของนายและนางเบนเน็ต ครอบครัวนี้มีแต่ลูกสาวซึ่งกำลังก้าวสู่วัยสาวน้อยถึง 5 คน เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องหาคู่ในลูกสาว ดังนั้นนายและนางเบนเน็ตโดยเฉพาะนางเบนเน็ตที่วิตกกังวลกับการแต่งงานของสาว ๆ เหล่านี้มาก ลูกสาวสองคนคือคนโตและคนรองถึงวัยที่สามารถแต่งงานได้แล้ว นางเอกในเรื่องเป็นลูกสาวคนรองของครอบครัวและเป็นคนที่มีนิสัยต่างจากพี่น้องพอสมควร เธอเป็นหญิงที่ชอบอ่านหนังสือและไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานแบบที่พ่อกับแม่ต้องการ เธออยากเลือกชายที่เธอพึงพอใจด้วยตัวเธอเอง ซึ่งนี้ทำให้แม่ของเธอนางเบนเน็ตขัดใจเสมอเพราะเธอไม่ว่าง่ายและเชื่อฟังเหมือนกับพี่น้องคนอื่น ๆ วันหนี่งครอบครัวเบนเน็ตได้ข่าวว่ามีสองพี่น้องทายาทตระกูลบิงลีย์ซึ่งเป็นผู้ดีที่ร่ำรวยมากจะมาพักผ่อนที่คฤหาสน์ตากอากาศในชนบท นางเบนเน็ตเลยอยากให้ลูกสาวได้ทำความรู้จักกับตระกูลนี้ นางจึงวางแผนให้สามีไปเชิญคุณบิงลีย์ให้มาร่วมงานเต้นรำที่ชุมชนจัดขึ้น ซึ่งคุณบิงลีย์รับปากทำให้นางเบนเน็ตดีใจมาก และเธอกะเกณฑ์ให้ลูกสาวของเธอเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย และในงานนี้เองคุณบิงลีย์ที่หล่อรวยเป็นสุภาพบุรุษและดูเป็นมิตรกับทุกคนได้มาร่วมงานเต้นรำซึ่งคุณบิงลีย์เป็นที่ถูกใจของสาว ๆ ในชุมชนมาก ในงานนี้เค้าได้พาเพื่อนสนิทของเค้ามาด้วย ซึ่งก็คือคุณดาร์ซี่พระเอกสายซึนนั้นเอง ในงานนี้คุณบิงลีย์ดูเหมือนจะถูกใจเจนลูกสาวคนโตของตระกูลเบนเน็ต ในขณะที่นางเอกเหมือนมีความประทับใจเมื่อแรกเห็นคุณดาร์ซี่ที่หล่อเนี๊ยบสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วเช่นกัน นางเอกเลยเข้าไปชวนคุณดาร์ซี่เต้นรำแต่เหมือนคุณดาร์ซี่จะมีบุคลิกที่หยิ่งยโสและเฉยชากับทุกสิ่งรอบตัว เธอเลยโดนปฎิเสธ นั้นทำให้เธอเสียความรู้สึกมาก อีกทั้งเธอแอบได้ยินที่คุณดาร์ซี่คุยกับคุณบิงลีย์เป็นทำนองดูถูกการจับลูกเขยของนางเบนเน็ตที่ออกนอกหน้าไปนิดและพูดถึงนางเอกว่าไม่มีอะไรที่น่าดึงดูดพอที่จะล่อลวงเขาได้ ทำให้นางเอกอับอายและพาลเหม็นขี้หน้าพระเอกไปเลย แต่ทั้งคู่ยังคงต้องมีเหตุให้เจอกันอีกหลายครั้ง ในเมื่อนางเอกรู้แล้วว่าพระเอกดูถูกเธอนั้นทำให้เธอที่เป็นคนทระนงคนหนึ่งยิ่งไม่อยากเข้าใกล้และพูดจากับพระเอกเท่าไร ตัวพระเอกเองพื้นนิสัยเดิมแม้เป็นคนดีเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งแต่มีความผยองในสายเลือดผู้ดีแท้ แม้ต่อมาจะมีความสนใจในตัวนางเอกเพิ่มขึ้นจากการได้เห็นนิสัยที่ทระนงของเธอ แต่มันจะมากพอให้โชคชะตาของทั้งคู่มารักกันหรือ หนังเรื่องนี้สื่อให้เห็นถึงบทประพันธ์อมตะของเจน ออสตินว่ามันเป็นความโรแมนติกที่ละมุ่นมากค่ะขอบอก มันไม่ซึงก็จริงแต่มันตรึงใจคนดู เป็นอีกเรื่องที่ขอแนะนำค่ะ สำหรับหนังพรีเรียดย้อนยุคเรื่องนี้นะคะ ส่วนตัวดูมากกว่าสามครั้งแล้วแบบที่ดูตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ที่เปิดมาดูในบางฉากบางตอนที่ชอบนี้หลายครั้งเลย เรื่องนี้อย่างที่บอกเป็นหนังที่สร้างจากนวนิยายโรแมนติกเรียลลิสติกเรื่องแรก ๆ ของโลก เพราะฉะนั้นแนวความคิดที่หนังสื่อออกมาจะเป็นภาพสะท้อนแนวคิดของผู้คนในยุคสมัยที่นวนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาซึ่งก็ราว 200 กว่าปีที่แล้วนะคะ ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคที่มีแนวคิดผู้หญิงทุกคนต้องแต่งงานมีครอบครัวดูแลลูกดูแลสามี ดังนั้นหน้าที่ชักนำคู่ให้บุตรสาวจึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ซึ่งก็ตามวัฒนธรรมแบบตะวันตกยุคก่อนนั้นแหละค่ะ หนังสื่อตรงนี้ออกมาตรงตามบทประพันธ์และสื่อให้คนดูเห็นภาพได้ค่อนข้างชัด การลำดับเรื่องทำได้ดีทีเดียว ภาพฉากแสงสวยงามถ่ายทอดความเป็นอังกฤษในยุคเมื่อร้อยปีได้ดี เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงทำออกมาสมจริง การสื่อสารอารมณ์ส่งอารมณ์กันระหว่างพระเอกนางเอก พระเอกสื่อสารทางสายตาได้ดีจริง ๆ ด้วยเพราะบทคุณดาซี่ในเรื่องต้องเป็นผู้ชายหัวโบราณอยู่ในตระกูลชนชั้นสูงของอังกฤษมีความเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วตรงนี้ต้องขอชม โดยเฉพาะตัวนางเอกแสดงได้ดีมาก ส่งอารมณ์แบบเด็กสาวที่มีความไร้เดียงสาขณะเดียวกันมีความช่างฝันและมีความโรแมนติกในตัวตนของบทประพันธ์ เคียร่าสื่อออกมาได้ดีจริง ๆ สมกับที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้ด้วย แม้เธอจะพลาดรางวัลแต่เธอยังได้รางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่องนี้นะคะ ด้วยภาพรวมทั้งหมดของการสร้าง + บทประพันธ์ในตำนาน +บทภาพยนต์ที่รักษากลิ่นอายของบทประพันธ์ไว้ได้ครบถ้วน ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมายจากหลายสถาบัน ส่วนตัวให้คะแนนเรื่องนี้ 9.5 /10 ช่วงเวลาอยู่กับบ้านยาว ๆ แบบนี้หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าดูทีเดียวค่ะ ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Pride & Prejudice Official Trailer (จากค่ายค่าย Focus Features) และ wikipedia ภาพเครดิตปก / ภาพที่ 1 /ภาพที่ 2 /ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 /ภาพที่ 6 /ภาพที่ 7 /ภาพที่ 8