ภาพยนตร์หรือซีรีส์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันเพราะสื่อเหล่านี้สามารถเป็นตัวแทนของสังคมหรือเปลี่ยนแปลงแนวคิดของผู้รับชมได้ เช่น การทำภาพยนตร์หรือซีรีส์เกี่ยวกับการเมือง เพศ หรือเชื้อชาติ ผมจึงมีซีรีส์เบื้องหลังวงการบันเทิงอย่าง HOLLYWOOD มาแนะนำ ซึ่งฉายผ่านทาง Netflix วันแรกเมื่อ 1 พฤษภาคม 2563 กำกับโดย Ian Brennan และ Ryan Murphy เป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากประวัติศาสตร์ของวงการ Hollywood ประมาณช่วงออสการ์ครั้งที่ 20 (ค.ศ.1947) หลายคนคงเข้าใจความโด่งดังของคำนี้ อยากเป็นนักแสดงหรืออยากชมภาพยนตร์ดี ๆ ต้อง Hollywood อยู่ที่ Los Angeles, USA (ลอสแอนเจลิส) นั่นเอง ซึ่งซีรีส์หยิบจับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวงบันเทิงมาเล่าให้สนุกและมีสาระ รีวิว HOLLYWOODHollywood เป็นเครื่องการันตีว่าคุณมีประสิทธิภาพด้านสื่อ เช่น นักแสดง ผู้กำกับ ผู้ผลิต ทีมเขียนบท ฯลฯ ฉะนั้นซีรีส์จึงเริ่มเล่นประเด็นเกี่ยวกับการวิ่งตามความฝันในสายบันเทิง เริ่มตั้งแต่คัดตัวต้องเฉิดฉายและเปล่งประกายเพื่อให้ได้เป็นตัวเลือกของทีมผู้สร้างภาพยนตร์ ถ้าการดำเนินเรื่องมันสวยงามคงไม่น่ารับชม ตัวละครแต่ละตัวต้องผ่านอุปสรรคอันโหดหิน เช่น การหาผู้จัดการ การทำงานเลี้ยงชีพระหว่างตามความฝัน การกีดกั้นทางสังคมหรือเชื้อชาติ ทำให้เราเห็นได้ว่า Hollywood นอกจากความสามารถพิเศษด้านการแสดงแล้ว จิตใจกับเล่ห์เหลี่ยมเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันต้องเดินหมากให้ถูก รสนิยมทางเพศยังไม่ได้รับการยอมรับ เพศเดียวกันหรือเพศสภาพถูกกีดกัน ฉะนั้นหากนักแสดงหรือผู้จัดท่านใดมีรสนิยมรักร่วมเพศ ชิ้นงานที่ผลิตจะไม่ได้รับความนิยมและถูกประท้วง รุนแรงสุดอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายได้ นักแสดงหรือผู้โลดแล่นในวงการบันเทิง ณ ช่วงนั้นต้องปิดบังหลบ ๆ ซ่อน ๆ นี้คือสิ่งที่ซีรีส์พยายามถ่ายทอดให้เราเห็น เพศหญิง เป็นได้แค่ตัวประกอบไม่โชว์เรือนร่างก็บทน้อย เป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าผู้หญิงยังไม่เท่าเทียมกับผู้ชาย (ชายเป็นใหญ่) นั้นเอง และการที่จะมีนักแสดงหญิงสักคนเล่นหนังโดยรับบทนางเอกและเด่นกว่าผู้ชายย่อมเป็นได้ยาก หนักสุดคือถ้าผู้บริการเป็นผู้หญิงหนังอาจจะถูกแบนเลยก็ได้ เราจะเห็นการต่อสู้ของตัวละครหญิงในเรื่องที่ดุเดือดและน่าเห็นใจผิวสีเป็นประเด็นที่สื่อภาพยนตร์หรือซีรีส์มักหยิบจับมาเล่น เพราะเป็นเรื่องที่คนทั่วไปเห็นได้ง่าย เช่น สื่อของไทยบอกว่ายอมรับเรื่องผิวได้แต่ยังไม่เคยเจอนักแสดงผิวสีเป็นตัวดำเนินเรื่องจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง มากสุดก็ผิวสีน้ำผึ้งทำให้ร้านเสริมความงามหรือผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายส่วนใหญ่เน้นความขาวเพราะหากขาวแล้วสังคมจะยอมรับ ดั่งเช่นสื่อในโทรทัศน์ ซีรีส์เรื่องนี้ยังสอดแทรกประเด็นเรื่องเชื้อชาติด้วยการนำเสนอผ่านตัวละครคนจีน ยุคนั้นภาพยนตร์จะให้นักแสดงแต่งหน้าสีเหลืองเพื่อให้เหมือนคนเอเชีย การจะให้โอกาสนักแสดงเจ้าของสัญชาติรับบทค่อนข้างเป็นไปได้ยาก โดยแต่ละประเด็นในซีรีส์ที่กล่าวมาเบื้องต้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในวงการและตัวละครบางตัวมีตัวตนอยู่จริง แต่ทีมผู้กำกับเปลี่ยนช่วงเวลาและความเหมาะสมเพื่อความลงตัวของซีรีส์ เช่น กรณีดาราชายชื่อ ร็อค ฮัดสัน มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ซึ่งหนังเรื่อง Magnificent Obsession ปี 1954 เป็นหนังที่เขาได้รับบทเป็นนักแสดงนำครั้งแรกแต่ระหว่างช่วงชีวิตในวงการร็อค ฮัดสัน ต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงเพราะในยุคนั้นยังยอมรับไม่ได้หรือข่าวหนาหูในวงการเกี่ยวกับการคัดเลือกนักแสดงที่ผู้กำกับต้องการให้เป็นหญิงชาวจีนจริง ๆ รับบทในหนังเรื่อง The Good Earth แต่เธอต้องถูกทางค่ายปฏิเสธแม้ทางทีมผู้กำกับจะพยายามสุดความสามารถแล้วก็ตาม เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แอนนา เมย์ หว่อง ด้วยเหตุว่าในยุคนั้นการเหยียดเชื้อชาติยังแพร่หลายในสังคมอเมริกา หรือเหตุการณ์ระทึกขวัญอย่างการกระโดดลงจากป้าย Hollywood ของ เพ็ก เอนวิสเทิ้ล ในปี 1932 เกิดจากหนังเรื่อง Thirteen Women ที่ผู้หญิงรับบทนักแสดงนำผู้กำกับตัดต่อจนเธอแทบจะไม่มีบท นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นที่คาดว่าน่าจะมีตัวตนอยู่จริงแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน โลกแห่งการแสดงอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับมีทั้งเรื่องจริงและแต่งเป็นปกติธรรมดาความรู้สึกหลังรับชม การพลวัตเป็นเรื่องปกติของทุกแวดวงเพราะต้องมีการพัฒนา สำหรับวงการบันเทิงก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดประเด็นต่าง ๆ เช่น ผู้หญิงขึ้นมารับบทนำ ผู้กำกับหญิง นักแสดงต่างสัญชาติหรือเป็น LGBT กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สิทธิและเสรีภาพในปัจจุบันได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้นจึงไม่แปลกที่สังคมจะเปลี่ยนไป สำหรับวงการบันเทิงของไทยอาจจะยังไม่ถึงกับทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกาเพราะผมยังไม่เห็นนักแสดงนำที่เป็น LGBT เปิดตัวและได้รับโอกาสรับบทชายหญิงทั่วไปสักเรื่องแต่ก็แอบหวังว่าจะได้เห็นในอีกไม่นานส่วนตัวประทับใจซีรีส์เรื่องนี้ครับเพราะผมเป็นคนที่ไม่รู้เลยว่าวงการบันเทิงมีเบื้องหลังที่ไม่สวยงามและต้องผ่านอุปสรรคทางสังคม การเมือง วิทยาศาสตร์ ฯลฯ เพราะการนำเสนอสื่อสักชิ้น ผลงานย่อมส่งผลต่อแนวคิดคนดูเปรียบได้กับหนังสือเพียงภาพยนตร์หรือซีรีส์ดึงจินตนาการให้ไปอยู่ในจอ แต่ก็ส่งผลเช่นเดียวกันกับหนังสือ เช่น การสร้างซีรีส์เกี่ยวกับความรักระหว่างครูกับนักเรียน ถ้าผ่านผู้จัดมาได้ก็ต้องเกิดประเด็นทางสังคมเพราะขัดกับวัฒธรรมหรือกฎหมาย จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราเสพอยู่ทุกวันมีผลอย่างแน่นอน ถ้ามีโอกาสสละเวลามารับชมซีรีส์เรื่องนี้จะได้เห็นมุมมองเกี่ยวกับ Hollywood หรือวงการบันเทิงและได้รับเสียงหัวเราะตลอดการดำเนินเรื่องและไม่ผิดหวัง สำหรับวันนี้ขอบคุณครับขอบคุณรูปภาพจาก YouTube ช่อง Netflixภาพหน้าปก / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5