แม้ว่า Death Note ในเวอร์ชัน Netflix จะฉายให้ดูมานานตั้งแต่ปี 2017 แต่ด้วยกระแสและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในด้านลบ ทำให้เรากด skip ข้าม Death Note เวอร์ชันนี้ไปโดยปริยาย แต่วันดีคืนดีที่ผ่านมา ด้วยความที่ไม่มีอะไรดูจึงได้กดไปดูเรื่องนี้เข้า แล้วพบว่ามันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่นา ในฐานะผู้เขียนที่ดูเวอร์ชันญี่ปุ่น และอ่านการ์ตูนมังงะ (แต่ไม่จบนะ ซึ่งต้องกราบขออภัยด้วย เพราะสู้ตัวอักษรที่เยอะจนตาลายไม่ไหว และเวอร์ชันญี่ปุ่นในฉบับซีรีส์หรือภาพยนตร์ภาคใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้ดู) จึงขอเอ่ยเทียบเฉพาะในแบบภาพยนตร์ฉบับญี่ปุ่นในปี 2006 และของ Netflix ปี 2017 นะคะย้อนนึกถึงภาพยนตร์ต้นฉบับญี่ปุ่น ผู้เขียนก็มีความทรงจำอยู่บ้าง เพราะยังคงจำคาเร็คเตอร์ของตัวละครได้“ไลท์” พระเอกอัจฉริยะ ฉลาดเป็นกรด “แอล” คู่ปรับที่สุขุมกับขนมหวานของเขา และยมทูต “ลูค” ที่มีนิสัยกวนๆ ซึ่งต้นฉบับทำไว้ค่อนข้างดี ผู้ชมเทใจให้กับภาคต้นฉบับ เป็นหนังญี่ปุ่นไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนดูจบแล้วไม่งง แถมทั้ง 2 ภาค ก็ยังทำออกมาได้น่าติดตาม มีหลายฉากที่ทำให้เราทั้งรักและทั้งเกลียดตัวละคร มีหลายฉากที่ทำให้เราประทับใจในความฉลาดของตัวเอก จนเผลอตบขาตัวเองเข้าให้ความคาดหวังสูงจากต้นฉบับ แฟนๆ จึงกดดันว่าเวอร์ชัน Netflix ฝรั่งทำต้องดีแน่ๆ ?ตอนเปิดตัวหนังใหม่ๆ ก็ไม่ติดใจอะไรนะ เพียงแต่มีภาพของตัวละคร”แอล” ของ Netflix เป็นคนผิวสี ออกมาให้ได้ดูกันในตัวอย่างซึ่งกระแสมันก็มีหลายเสียงนั่นแหละ ซึ่งผู้เขียนมองว่ามันแปลกใหม่ดีมาก ๆ ฉีกกฎ ลบภาพของแอลแบบญี่ปุ่นไปได้เลย มันกลายเป็นภาพจำที่ดีสำหรับเวอร์ชันนี้ไปเลยนะจะบอกให้หลังจากดูจบแล้ว ผู้เขียนกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้แย่เหมือนที่อ่านๆ รีวิวมา พล็อตของเรื่องก็ยังคงเดิมอยู่ เพียงแต่ว่ามีการพลิกแพลง ปรับบทให้ดูเป็นโลกจริงมากขึ้น การดำเนินเรื่องก็เร็วกว่ามาก ขนาดภาคญี่ปุ่นที่ดัดแปลงจากการ์ตูนมาไว้ในภาพยนตร์ 2 ภาค เวอร์ชัน Netflix ก็ดัดแปลงและรวบรัดตัดตอน ทำให้การดำเนินเรื่องเร็วหนักกว่าไปอีก ต้องยอมใจเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าดูรู้เรื่องนะและเรื่องที่หลายคนติติงมากที่สุดเลย เห็นจะเป็น “คาเร็คเตอร์” ตัวละครในเวอร์ชันนี้ “ไลท์”ไม่น่าเกรงขาม ไม่ดูเหมือนเด็กฉลาด ส่วน “แอล” ก็ดูไม่สุขุม เป็นคนฉลาดแต่ก็แอบมีความขี้โวยวาย ส่วน “ลูค”ก็เป็นยมฑูตสายดาร์คไปเลย ซึ่งผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า Netflix ต้องการสร้างความแตกต่าง และทำให้มันออกมา “Real” ที่สุด ดูสมจริง ทั้งความคิดของตัวละคร ที่ส่งผลให้กระทำอะไรออกมา ตัวละครทุกตัวมีความกลัวในจิตใจ ทำให้หลายๆ สถานการณ์ดูมีที่มาที่ไป ซึ่งความกลัวก็สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจได้เหมือนกันช่วงแรก ผู้เขียนก็เฝ้ารอดูฉากโชว์ความเทพความฉลาดของ ไลท์และแอลอยู่เหมือนกัน ก็พอมีให้ดูแบบกรุบกริบ แต่ถ้าเทียบกับภาคญี่ปุ่น ทางนู้นมีไหวพริบ มีการวางแผนที่ดูฉลาดกว่าเยอะ แบบที่เราต้องอึ้งไปเลย พอมาเจอของ Netflix กว่าจะได้เห็นการแก้เกมกันของ 2 คู่ปรับ ก็มีให้ดูเกือบท้ายๆ เรื่อง พอปมทุกอย่างคลายแล้วถึงกับร้อง อ๋ออออ สรุปแล้ว ผู้เขียนมองว่าหนังไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลย เอาไว้ดูเพื่อความบันเทิง ไม่ต้องคิดมากใดๆ อยากให้พยายามลบภาพเก่าๆ แล้วเปิดใจให้สิ่งใหม่ๆ เพราะถ้าทำออกมาตามรอยทางเดิม ก็ไม่รู้จะสร้างออกมาใหม่เพื่ออะไร ว่ามั้ยคะ : ) ขอบคุณภาพประกอบจาก IMDBภาพปก Death Note (2006) : 1 2Death Note (2017) : 1 2 3