ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวอย่างหนังนั้นมีการเกริ่นว่าจะเป็นการนำเสนออาการเมายาของคนที่ได้รับสารหลอนประสาท เช่น LSD หรือเห็ดเมาบางชนิดซึ่งคาดหวังว่าคงถ่ายทอดออกมาได้สมจริงและเห็นถึงมุมมองจริงๆโดยไม่ต้องเสพเองผ่านแอนิเมชัน ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวโดยในตัวภาพยนต์มีการกล่าวว่าอาการหลอนประสาทที่เห็นตามหนังหลายๆเรื่องล้วนไม่สมเหตุสมผลเพราะมักใช้เลนส์ไวด์กับเลนส์ฟิชอายในการถ่ายทำ อีกทั้งยังมีการปรับเสียงให้ต่ำลง แต่ความเป็นจริงแล้ว หลังจากได้ลองใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาทีไปกับหนังเรื่องนี้ พบว่าภายในภาพยนต์จะใช้การเล่าเรื่องของคนดังที่เคยผ่านประสบการณ์ทดลองยาในช่วงวัยรุ่นซึ่งแต่ละคนก็ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไปทั้งมีความสุขและหวาดกลัว แสดงออกผ่านทางหนังตัวอย่าง หรือแอนิเมชันตามการเล่าเรื่อง และเนื่องจากมีเจ้าของเรื่องหลายคนทำให้มีการตัดบทสลับไปสลับมาซึ่งในตัวของหนังเองก็ค่อนข้างไม่รื่นไหลเท่าไหร่นัก อีกทั้งการเล่าเรื่องดูเอื่อยๆและค่อนข้างสับสนเพราะเทคนิคที่ใช้เล่าเรื่องเน้นไปที่การพยายามทำให้ภาพดูเก่าให้เข้ากับสถานการณ์ของผู้เล่าและก็ใช้สีสันฉูดฉาดที่สื่อถึงอาการหลอนประสาทของผู้เสพยา อีกทั้งยังพยายามชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกของการเสพยาในเรื่องการเข้าถึงตัวตน การสนองความต้องการของตัวเองหลังจากเสพ และกล่าวว่าการใช้ยาทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆอีกด้วย โดยที่เจ้าของเรื่องแต่ละคนก็จะคอยบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุขเมื่อได้เสพ แต่ตัวเขาเองนั้นไม่รู้สึกเสียใจที่ได้ลองและมองว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ แต่ภายหลังตอนท้ายก็มีการชี้ว่าเราสามารถใช้ยาหลอนประสาทในการรักษาผู้ป่วยโรคทางจิตเวชได้ เช่น ผู้ป่วยซึมเศร้า ผู้ป่วย PTSD เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกมากนักเพราะในหนังส่วนใหญ่เน้นแสดงออกในแง่ของความรู้สึกจากประสบการณ์ของคนที่ใช้ยา ไม่ได้มีการอธิบายกลไกหรือผลของการเสพที่ชัดเจนสรุปก็คือเป็น 1 ชั่วโมง 25 นาทีที่ยาวนานมากกับการพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่สารคดีต้องการจะสื่อให้เห็นถึงอาการของคนที่ใช้ยาหลอนประสาท แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าอาการเป็นยังไง น่าสนใจขนาดไหนก็ลองไปดูได้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นสารคดีที่น่าสนใจเรื่องนึงแต่ด้วยความคาดหวังที่คิดว่าการอธิบายผ่านแอนิเมชันจะชัดเจนมากกว่านี้ทำให้รู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อยhave a good trip official trailer netflix ; https://youtu.be/FmQygtqDLHs ขอบคุณภาพประกอบภาพปก , ภาพประกอบที่1 , 2 และ 3