ในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง เพราะผลกระทบจากพิษ Covid-19 ที่มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมกันแล้วมากกว่า 19 ล้านคน ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ผลกระทบที่เราได้เห็นกันชัดเจนที่สุดก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวและกิจการต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงชั่วคราวมากมาย ค่าเงินหลายสกุลเงินมีความผันผวน ตลาดหุ้นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้มากนักก็คือ"ทองคำ"นั่นเองครับ หลายคนอาจจะตั้งคำถามในใจกันแล้วว่า "ทำไมราคาทองคำถึงไม่ได้รับผลกระทบจากพิษของไวรัส?" ผมขอตอบให้เลยแล้วกันครับว่า ราคาทองนั้นถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีความปลอดภัย ช่วยป้องกันการเสื่อมค่าของเงินจากสภาวะเงินเฟ้อ เพราะว่าหลายประเทศมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเป็นจำนวนมาก ทำให้กระแสเงินสดมีความแม่แน่นอน ค่าเงินอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลล่าสหรัฐอ่อนตัวด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูง หรือที่เรียกว่าการ"ออมทอง"นั่นเองครับ หลายคนอาจจะเคยเห็นทองคำกันมาบ้างแล้ว นั่นก็เพราะว่าทองคำนั้นเป็นสิ่งที่เราพบเห็นกันจนชินตา ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณที่หลายคนสวมใส่อยู่เป็นประจำ หรือทองคำที่อยู่ตามร้านทอง บางครั้งก็อาจจะพบเห็นได้จากการตกแต่งในอาหารบางชนิดเพื่อให้อาหารนั้นสวยงามน่ารับประทาน แต่ทองคำก็ยังเป็นทรัพย์สินที่หลายคนอยากจะมีไว้ครอบครอง ในวันนี้ผมจะมาแบ่งปันประสบการณ์การออมทองในทองคำรูปแบบต่าง ๆ ที่ผมเคยลงทุนมา แล้วมาดูกันครับว่าในช่วงที่ทองคำมีราคาสูงเช่นนี้ การลงทุนกับสิ่งนี้ยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนเลยครับว่าทองนั้นมีชนิดใดบ้าง และมีข้อดีข้อเสียในการลงทุนอย่างไร ทองคำแท่ง (Gold Bar) ทองคำแท่งนั้นถือว่าเป็นทองทำที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อเก็บไว้ นั่นก็เพราะว่าทองคำแท่งนั้นไม่มีค่ากำเหน็จ ทำให้ราคาซื้อและราคาขายคืนนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ข้อดีก็คือสามารถซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านทองทั่วไป และราคาซื้อและขายนั้นแทบที่จะไม่มีความแตกต่างกันเลย เช่น วันนี้ราคาขายหน้าร้าน 30,000 บาท และราคารับซื้อคืน 29,900 บาท หากซื้อมาแล้วขายคืนก็จะมีผลต่างเพียง 100 บาทเท่านั้น แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เนื่องจากทองคำแท่งนั้นควรจะต้องเก็บในตู้นิรภัย ถ้าลงทุนตู้นิรภัยที่มีความปลอดภัยสูงก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วยเช่นกัน หรือถ้าจะนำไปฝากที่ตู้นิรภัยของธนาคารก็จะต้องเสียค่าฝากเช่นกัน หากใครสนใจการลงทุนทองคำชนิดนี้ก็ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกันดูนะครับ ทองรูปพรรณ ทองชนิดนี้เป็นที่นิยมซื้อขายกันมากทั่วโลกเช่นกัน เนื่องจากช่างฝีมือจะนำเนื้อทองคำมาแปรรูปแบบให้เป็นเครื่องประดับหรือสิ่งของรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ที่พวกเราเห็นบ่อยที่สุดก็จะเป็นสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือทองคำและแหวนทองคำนั่นเองครับ การลงทุนด้วยทองคำชนิดนี้มีข้อดีคือ ลงทุนง่าย สามารถเดินเข้าร้านทองเพื่อเลือกซื้อน้ำหนักที่ต้องการได้เลย แถมยังเก็บรักษาง่ายอีกด้วย แต่ข้อเสียของทองชนิดนี้ไม่ค่อยถูกใจกับนักลงทุนสักเท่าไร นั่นก็เพราะทองชนิดนี้มีค่ากำเหน็จ (ค่าฝีมือช่างที่เปลี่ยนรูปแบบจากทองคำแท่งให้มีรูปแบบแตกต่างกันไป) ซึ่งทองคำรูปพรรณแต่ละชิ้นนั้นจะมีค่ากำเหน็จที่แตกต่างกันไปตามความยากง่ายของชั้นงาน เช่น ราคาทองรูปพรรณขายหน้าร้านวันนี้ 30,500 บาท และราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 29,300 บาท นั่นหมายถึงราคาขายคืนจะแตกต่างกันถึง 1,200 บาทเลยทีเดียว แถมแต่ละร้านยังมีเงื่อนไขในการรับซื้อคืนที่แตกต่างกันไปอีกด้วย เช่น ซื้อจากร้าน A มาขายร้าน B ราคาก็จะโดนกดไปอีก และถ้าทองมีตำหนิหรือเสียหายก็จะขายคืนได้ในราคาที่ต่ำลงไปอีกด้วย ดังนั้นการออมทองด้วยวิธีนี้ผมจึงไม่อยากแนะนำเท่าไรครับ การออมทอง การลงทุนด้วยวิธีนี้หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยการออมทองด้วยวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเงินก้อนที่จะซื้อทองคำมาเก็บไว้ โดยวิธีการก็คือการเปิดบัญชีออมทองกับร้านทองไว้ แล้วค่อยนำเงินไปฝากกับร้านทองไว้ โดยทางร้านจะนำเงินที่เราฝากไว้ไปซื้อทองคำแท่งเก็บไว้เป็นน้ำหนัก เช่น เดือนมกราคมผมนำเงินไปฝากเข้าบัญชีร้านทองไว้ 1,000 บาท (ราคาทองคำแท่งวันนั้นขายหน้าร้านอยู่ที่ 29,000 บาท) ทางร้านก็จะซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ให้ 0.5 กรัม (ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5% จำนวน 1 บาท จะมีน้ำหนัก 15.244 กรัม) ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ผมนำเงินไปฝากไว้อีก 1,000 บาท (ราคาทองคำแท่งขายหน้าร้าน 29,500 บาท) ทางร้านจะซื้อทองเก็บไว้ 0.48 กรัม และเมื่อฝากจนน้ำหนักทองครบ 15.244 กรัม ผมก็จะสามารถไปรับทองคำแท่งจำนวน 1 บาทกลับมาได้เลยนั่นเองครับ ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีมาก ๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนแบบผม แต่ข้อเสียก็มีเช่นกันครับ เนื่องจากราคาทองมีความไม่แน่นอน สามารถปรับตัวขึ้นหรือลงได้ทุกวัน ทำให้ราคาออมในแต่ละครั้งจะได้น้ำหนักทองที่ไม่เท่ากัน วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการเก็บทองมากกว่าเก็บเงินครับ ไม่เหมาะกับการเก็บทองเพื่อเก็งกำไรครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับวิธีการออมทองในรูปแบบต่าง ๆ ผมหวังว่าวิธีการออมทองด้วยทองชนิดต่าง ๆ จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ แต่การลงทุนด้วยทองคำก็ยังถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่าการถือเงินสดไว้ในมือ สำหรับผมก็ยังคงเลือกการเก็บทองคำไว้ต่อไป เพราะยังไม่รู้เลยว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด ตราบใดที่ทองคำยังเป็นสิ่งที่มีความมั่นคงและเป็นที่ต้องการของโลกอยู่ การลงทุนด้วยทองคำนั้นก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนเริ่มมาออมทองกันครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ครับ CREDIT ภาพหน้าปก ขอขอบคุณภาพประกอบ | ภาพที่ 1 | ภาพที่ 2 | ภาพที่ 3 | ภาพที่ 4 | ภาพที่ 5 |แนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง ของผู้เขียนครับ5 วิธีสร้างรายได้เสริมในยุค COVID-19" แม้จะเก็บตัวอยู่กับบ้านก็ทำงานได้รอบรู้เรื่องแมว Ep.1 "5 อาหารต้องห้ามสำหรับแมว" เจ้าของต้องหลีกให้ไว ถ้าแมวกินไปต้องแย่แน่นอนผู้เขียน Tom Percy