สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านที่น่ารักวันนี้มีบทความที่เป็นความรู้เรื่องสุขภาพ พร้อมประสบการณ์และแนวทางป้องกันแก้ไขมาฝากกันเป้นเรื่องอะไรนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ หัวข้อที่จะมาแนะนำคือ” รับมือย่างไรหากเป็น ไพโบลาร์ เครียด ซึมเศร้าในเวลาเดียวกัน “ ส่วนมากเราอาจจะเคยเห็นเเต่เป็นเเค่โรคอย่างใดอย่างหนึ่ง เเต่นี่มาถึง 3โรคพร้อมกันจึงอยากมาเเชร์ประสบการณ์ค่ะ นับว่ายุคนี้คนส่วนมากจะเป็นโรคที่กล่าวมาเสียส่วนใหญ่นะคะ แต่บางคนอาจจะพบเจอสภาวะทั้ง 3 โรคพร้อมกัน วันนี้จะมายกตัวอย่างอาการ และเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมวิธีแก้ไขให้ทุเลาลงจากประสบการณ์ตรงกันค่ะ ภาพโดย Alexas_Fotos จาก pixabay เรามีน้องสาวที่อยู่ช่วงใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย น้องสาวเป็นคนชอบอ่านหนังสือและนอนดึกและมักจะกดดันตัวเองเวลาไปสอบ จนวันหนึ่งมีอาการล้มเพราะปวดศีรษะอย่างรุนแรงและคุณหมอตรวจพบว่าเป็นโรคเครียดให้แนวทางมาว่าผ่อนคลายบ้างก็ดี และในช่วง 2 เดือนถัดมาเธอมีอาการไม่พูดไม่จา เซื่องซึม สมองช้า ไม่สามารถทำข้อสอบได้บวกกับช่วงนั้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดและการเงินไม่คล่องตัว เธอไม่ทานอาหารเป็นเวลา 3 วันพร้อมทั้งนอนดึก เหม่อลอย พูดจาไม่รู้เรื่อง สมองสั่งการช้าทุกอย่าง และไม่มีเรี่ยวแรงบวกกับช่วงนั้นการสอบและครอบครัวมีแต่จะถดถอยลง บางครั้งสร้างกำลังใจให้ก็ไม่เพียงพอเราจึงพาน้องสาวไปพบคุณหมอ และได้ทำการตรวจระบบภายในร่างกายและกล้ามเนื้อพร้อมทั้งทำแบบทดสอบหลายอย่างผลออกมาคือโรคซึมเศร้าในระยะแรก เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนคุณหมอได้ให้ยาคลายเครียดมาเท่านั้น ภาพโดย Counselling จาก pixabay เพราะน้องสาวกำลังตกในสภาวะสองโรคควบคู่กันต้องพักผ่อนเยอะ ๆ จนเราต้องนำน้องมารักษาที่บ้านพร้อมทั้งให้น้องสาวนอนเร็วขึ้นทานอาหารที่มีประโยชน์ และผ่านไปเพียง 2 เดือนน้องสาวก็ร่างเริงขึ้น เป็นที่ดีใจของคนรอบข้างแต่พบว่าน้องสาวเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มีอารมณ์สองขั้วและชอบกัดฟันเวลาสนทนากับผู้คน และชอบตัดพ้อแบบมากเกินไป บางครั้งก็หัวเราะออกมาเองแบบไม่มีสาเหตุพร้อมทั้งอยู่บ้านก็ร้องไห้บ่นว่า “อยากตาย “ซึ่งเราก็ดูอาการสักระยะก่อนจะพาน้องสาวไปไปหมอ แต่ก็เหมือนเดิมคือโรคเครียด ซึมเศร้า และได้พาไปโรงพญาบาลประจำจังหวัดหมอตรวจพบโรคไพโบลาร์ระยะที่ 2 นั่นเอง ซึ่งตอนนี้น้องสาวได้เป็น 3 อย่างพร้อมกันโดยสาเหตุเกิดจากความเครียดสะสมและไม่หลับพักผ่อนตัดพ้อและไม่มีใครเข้าใจ ระยะที่ 2 คือผู้ป่วยจะไม่มีสติมากเท่าไหร่พูดจาไม่หยุดพร้อมทั้งลืมว่าพูดอะไร อีกทั้งยังร้องไห้และเศร้าออกมาเอง ภาพโดย valelopardo จาก pixabay คุณหมอได้ทำการให้น้องสาวนอนโรงพยาบาลพร้อมทั้งปรับทัศนคติเล้กน้อยพร้อมทั้งเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้น้องสาวโดยทางโรงพยาบาลจะมีห้องสำหรับเด็ก มีของสวยงามน่ารักเห็นแล้วเพลินตา น้องสาวได้ไปรักษาภายในห้องนั้นฟื้นฟูจิตใจพร้อมทั้งมีอะไรก็บอกเล่าให้คุณหมอฟังซึ่งคุณหมอขอเพียงว่าให้หายจากไพโบลาร์เสียหน่อยก็ดีเนื่องจากอาการไพโบลาร์มาน้องสาวก็จะร้องไห้ อาการเครียดมาเธอจะโกรธ และเธอก็เซื่องซึมซึ่งไม่เหมือนคนปกติเท่าไหร่แต่ยังสามารถพูดจาได้รู้เรื่องและอ่านหนังสือได้ คุณหมอได้ทำการส่งตัวน้องสาวไปค่ายจิตอาสาปลูกป่าชายเลนและเราก็ได้ตามไปด้วยค่อย ๆ ฟื้นฟูทีละนิดเราเพียงแค่ไปดูห่าง ๆ เท่านั้น ภาพโดย Free-photos จาก pixabay ก่อนที่น้องสาวเราจะดีขึ้นเริ่มไม่มีอารมณ์โกรธเมื่ออยู่บ้านก็จะอ่านหนังสือ ฟื้นฟูจิตใจอย่างหนังสือ ธรรมชาติ ท่องเที่ยว พร้อมทั้งช่วงนั้นทุกคนภายในบ้านต้องคอยให้กำลังใจไม่ด่า ไม่ว่า อาจจะใช้เวลานานเสียหน่อยขอเพียงแค่ปรับกันได้ และสิ่งสุดท้ายหลังจากการรักษาทางใจและความรู้สึก สภาพแวดล้อมคือน้องสาวเริ่มมีสมาธิทำข้อสอบได้และสามารถเข้าไปเรียนได้สมใจหวัง ใช้เวลารักษาประมาณ 8 เดือนเต็มเลยค่ะช่วงนั้นต้องรักษาใจอย่างเคร่งครัด ถึงสุดท้ายนี้ก็เหลือเพียงโรคเครียดเท่านั้นที่ยังไม่หายขาดเพราะแค่ทำข้อสอบก็เครียดทุกคนเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรหากเพื่อน ๆ หรือมีคนใกล้ตัวเป็นก็ควรพาไปรักษาหรือปรึกษาคุณหมอกันนะคะ เพราะโรคแบบนี้มีเพียงยาใจ ความเข้าใจ และสภาพแวดล้อมใหม่ที่ช่วยได้ค่ะ ขอขอบคุณคุณหมอโรงพยาบาลนภาลัย สมุทรงสงครามที่เป็นที่ปรึกษาในการรักษาโรคดังกล่าวค่ะ ภาพโดย Anemone123 จาก pixabay