เนื้อหานี้จะเป็นการใช้งานจริงของคนน้ำหนัก 87 Kg และเป็น รีวิวการใช้งานรองเท้าแตะไปในตัว (ป้ายยาด้วยนะ) ว่าด้วยเรื่องรองเท้าวิ่งนั้นก็จะมีรองเท้าหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ให้เหมาะสมกับการวิ่งแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น (รองเท้าทำความเร็ว Interval) (รองเท้าวิ่ง Tampo ) รองเท้าวิ่ง( Long run) ซึ่งจะมีคุณสมบัติขิงรองเท้าแตกต่างกันไป ช่วงหลังมานี้ รองเท้าที่เป็นกระแสที่นิยมมาในช่วงหลังๆมานี้ ก็ มีรองเท้านักวิ่งหันมาใส่วิ่งกัน เพื่อนๆพอจะเดากันถูกหรือเปล่าน้า ? ใช่แล้วครับก็คือ รองเท้าแตะนั่นเอง เรื่องมีอยู่ว่า ตัวผมนั้นอยากจะหารองเท้าที่ใส่วิ่งที่สามารถใส่ได้ง่ายๆ พกพาไปเที่ยวด้วยได้แบบไม่กินพื้นที่เป้มากนัก (ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบแบกเป้เที่ยว และกางเต็นท์ครับ) ซึ่ง ช่วงเย็นๆ ผมก็จะออกไปวิ่งชม บรรยากาศ ของสถานที่นั้นๆ เพื่อเก็บอากาศดีๆเข้าปอด และ ได้ซ้อมวิ่งไปในตัว (ผมเป็นคนติดวิ่งอะเนอะ) และต้องวิ่งได้แทบทุกสถานที่ พื้นถนน พื้นทราย เอาเป็นว่า อเนกประสงค์ เลยละกันเนอะ แต่ผมนั้น น้ำหนัก (87 Kg ส่วนสูง 183 Cm) ซึ่งในค่า BMI แล้วถือว่าอ้วนเลยทีเดียว ในใจผมก็คิดว่าจะไหวไหม เพราะน้ำหนักเยอะ เวลาลงเท้ากระแทกพื้นเต็มๆแน่นอน แต่ความพกพาสบายเป็นเหตุแหละครับ เลยตัดสินใจที่จะหามาไว้ในครอบครอง สวยไหมๆรองเท้าเตะอะไรถูกใจจัง พอตัดสินใจแล้วก็เริ่มศึกษาข้อมูลครับ ดั้นไปถูกใจอยู่แบบหนึ่ง รูปทรงก็ถูกใจ ซึ่งผู้ผลิตรองเท้าเป็นนักวิ่งเท้าเปล่า อีกด้วย นั่นก็คือ รองเท้าแตะ พี่หมอ (Chingmai Running Sandal) ครับผม เป็นรองเท้าที่ พี่หมอนั้น สร้างขึ้นมาด้วยใจรัก และ หัวใจที่รักการวิ่งและอยากให้เพื่อนนักวิ่งได้ใส่รองเท้าที่ ราคาไม่สูงนัก เอาเป็นว่าเป็น ราคาที่จับต้องได้ ละกันเนอะ เพิ่งถอยมาเลยเรามารู้จักรองเท้าแตะพี่หมอกันก่อนละกันเนอะ รุ่นที่ผมเลือกซื้อนั้นเป็นแตะแบบวิ่งถนน ตัวของแตะนั้นจะมี ตัวพื้นรองเท้า ตัวโฟม และตัวกันลื่น และมีการเย็บเพื่อเพิ่มความคงทนในการใช้งาน มีการเย็บสายยึด ด้านข้างแตะระหว่างชั้นของแตะ เพื่อไม่สายเสียดสีกับพื้น ต่างจากแตะบางรุ่น ที่ ร้อยสายทะลุพื้นของแตะ เวลาใช้ไปสายแตะจะขาดไวเพราะสายที่เจาะทะลุพื้นแตะนั้นเสียดสีกับพื้นนั่นเองครับ เย็บตัวยึดสายเพื่อหลบการเสียดสีตอนวิ่ง การเย็บเพื่อยึดพื้นแตะนั้น เป็นการเย็บด้วยมือ งานออกมาดูเรียบร้อยสวยงามครับใส่แล้วความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ใส่แล้วมีความกระชับ เบา มีความยืดหยุ่นพอตัว สายของแตะนั้น เป็นสายเส้นเดียว ที่พี่หมอได้คิดวิธีร้อยสายขึ้นมา สายมีความสวยงาม หนา นุ่ม สำหรับผม สายแตะตัวนี้ไม่บาดเท้าเลยครับ อ๋อ สายของแตะ มีให้เลือกหลายสี นะครับ ผมนั้นเลือกสีแดงมา เพราะสีนั้น เตะตาบาดใจดีครับ การปรับสายก็ง่ายแสนง่าย เพราะพี่หมอ ได้ออกแบบตัวปรับสายใหม่ครับ ผมโชคดีได้ตัวปรับสายรุ่นใหม่พอดี ( แตะตัวนี้ผมใส่เบอร์ 10 นะครับ ถ้าเป็นรองเท้าวิ่ง ผมใส่ 10.5 ครับผม) ตัวปรับสายและล็อคสายที่พี่หมอคิดค้นด้วยใจความรู้สึกเมื่อใส่แตะพี่หมอวิ่ง หลังจากใช้งานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 150 K ตัวผมนั้น น้ำหนัก 87 Kg ถือว่าอ้วนเลยครับ ถ้านับตามค่า BMI ต้องใช้เวลาปรับ ประมาณ 2 วัน เลยทีเดียว เพราะก้าวเท้ายาวเกินไปทำให้รับกับแรงกระแทกแบบเต็มๆ พอปรับตัวได้แล้ว เป็นแตะที่วิ่งดีมาเลยครับ 1. พื้นกันลื่นได้ดีเท้าไม่ขยับไปมาขณะวิ่ง2. ตัวของแตะ ไปกับเท้าได้ดี เพราะมีสายที่รัดส้นเท้าไว้ (ตั้งสายแบบกระชับพอดีไม่แน่นเกินไป ที่รัดตรงส้นเท้าก็ไม่แน่นเกินไป)3. พื้นมีการยึดเกาะถนนดีมากแม้ในพื้นที่เปียกน้ำ4. ส่วนที่ผมวิ่งนั้นเป็นเนินด้วยก็ถือว่ายึดเกาะและออกตัวได้ดีเลยทีเดียว5. ทางด้านพื้นดินนั้นก็ไม่มีอาการ ไถล หรือ ลื่นมากเท่าไร ถือว่าดีมากครับ หลังวิ่งเสร็จก็จะ ปวดๆ ตึงๆ อยู่บ้าง ตรง น่อง และ ขา พอใช้ไปสักพักร่างกายเริ่มปรับสภาพก็ทำให้อาการปวด น่อง กับ ขา ก็หายไป (น่าจะแข็งแรงกว่าเดิม) พื้นแตะหลังจากผมใช้งานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 150 Kใช้เวลาปรับตัวนานไหม ปรับตัวยังไงในการเปลี่ยนมาวิ่งด้วยแตะในเรื่องของการปรับตัวในการใส่แตะวิ่งสำหรับผมนั้นคือ1. ผมจะ drills ขา เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับรองเท้าก่อน 4 ท่าครับ 1.1 เข่าต่ำ ( Low Knees)1.2 เข่าสูง (High Knees)1.3 เตะหน้า (Straight Leg bouns)1.4 ดีดหลัง (Butt Kicks)ทำท่าละ 3 รอบ รอบละ 30 เมตร เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับ แตะ หรือ รองเท้าใหม่ๆ (ที่จริงผมทำก่อนวิ่งทุกครั้งแหละครับ แฮ่ๆ)2 ผมจะวิ่งช้าๆครับวิ่งประมาณ pace 6.30-7.00 ก่อนครับ3 เริ่มวิ่งวันแรกกับแตะ 5 K แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนกิโลขึ้นครับหลักๆก็จะมีประมาณนี้ครับ ทดสอบความเร็ว 100 เมตร ด้วยแตะพี่หมอเริ่มติดใจกับ รองเท้าแตะ พี่หมอแล้วครับตอนนี้ข้อดีที่ผมเจอมานะครับ1. ทำให้ผมได้ท่าวิ่งที่ถูกต้อง เวลาลงเท้าปลายเท้าไม่เลยเข่าแล้ว (Over Stride)2. ทำให้ระยะก้าวสั้นลง และได้รอบขาที่สูงขึ้น3. ทำให้เวลาเปลี่ยนไปใส่รองเท้าวิ่งแล้ว วิ่งได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยลง (เพราะรอบขาดีขึ้นประหยัดแรงมากขึ้น)4. วิ่งแล้วไม่กลัวฝนตกครับ (อันนี้นี่ชอบเลยครับไม่ต้องกลัวรองเท้าเปียก แตะลุยได้แห้งไว)5. เวลาเที่ยวทะเล เอาแตะไปวิ่งชายหาดได้เลยครับ ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา(ชอบสุดๆ) (ใส่ขึ้นเขาก็ได้นะ)6. ทำให้ผมหายเจ็บเข่าด้านข้างด้วยครับ (ITB) เพราะเราก้าวสั้นลง วิ่งช้าลง และไม่ต้องหยุดพักขณะเจ็บครับข้อแนะนำนะครับ1. ใส่ครั้งแรกอาจจะเจ็บ ขา น่อง หน่อยนะครับ ต้องใช้เวลาปรับเข้าหาสักหน่อย แต่ไม่นานครับ2. เวลาใส่อาจจะมีการพองของ ฝ่าเท้าครับ อันนี้ต้องใส่ไปสักพักก็จะไม่พองแล้วครับ (ไม่ต้องเจาะมันนะปล่อยมันแตกเอง)3. ใส่ง่ายเกินไปครับระวังจะออกไปวิ่งบ่อยกว่าเดิมนะ4. ระวังติดใจครับเพราะ ราคาน่าจับต้องได้ คุณภาพเกินราคาจริงๆ (ผมยังอยากได้รุ่นใหม่เลย) วิ่งไปติดใจแล้ว น้ำหนักตัวก็ไม่ใช่ปัญหาในการใส่รองเท้าแตะในการวิ่งครับ เพื่อนๆคนไหนที่ลังเลว่าจะใช้ดีไหม บทความนี้อาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะครับหมายเหตุ : ทำไมผมถึงหายเจ็บ เข่าด้านข้าง (ITB) เพราะใส่รองเท้าแตะนั้น บทความหน้าผมจะมาแชร์ประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับตอนนี้แต่พี่หมอ เหมือนมีรุ่นใหม่แล้วเข้าเพื่อนๆลองเข้าไปชมใน เพจ Chingmai Running Sandal กันได้นะครับ ผมนี้เปิดเข้าเพจทีไร กิเลส เกิดทุกทีครับ(ถ่ายรูปไม่ค่อยสวยนะครับขอฝึกฝีมือแป๊บ)"วิ่งไม่เจ็บวิ่งให้สนุกมีความสุขกับการวิ่ง"ผู้เขียน : YoYothin ภาพถ่ายโดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !