( cr. unsplash ) เดือนมีนาคมจะจบไปแล้วย่างเข้าเดือนเมษายนด้วยความเหนื่อยล้า ผ่านมาแค่ 3 เดือนแต่ปีนี้หลาย ๆ อย่างที่เกิดรอบตัวดูเหมือนจะทำให้เราร้อนรุ่มใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ โรคโควิด-19 ระบาดจนพาให้ไปถึงจุดที่เห็นตกงานกันรอบตัว ปี 2020 ได้ได้บทเรียนเราเยอะแยะเลยภายในสามเดือนที่ผ่านมา ว่าชีวิตต้องอยู่บนความไม่ประมาท ต้องมีแผนสำรองไว้เสมอ ๆ เงินเก็บมีเพียงพอหรือไม่ และสุขภาพเรานั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด วันนี้จะมาบอกเล่าหายนะทั่วโลกที่เกิดขึ้นไปแล้วในปี 2020 ไม่ว่าเราจะพร้อมหรือไม่ เราก็ยังเหลืออีก 9 เดือนให้ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า สิ่งที่เราสามารถทำได้ในวันนี้เรียนรู้จากอดีต ทำปัจจุบันให้ดี และป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอนาคต ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไปค่ะ เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเรามากนั้น วิกฤติไฟป่าออสเตรเลีย ( cr. flickr ) ปกติแล้วนั้นไฟป่าในออสเตรเลียจะมีฤดูที่เกิดขึ้นในเดือนธันวา แต่ปีนี้นั้นอากาศได้ร้อนขึ้นจนผิดปกติและ ทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ซึ้งยังรุนแรงกว่าเดิมมากจนสร้างความเสียหาย ประเมินแล้วมีสัตว์ป่าราว 480 ล้านตัวได้รับผลกระทบ พื้นที่เสียหายกินพื้นที่ทั้งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิกตอเรีย มีผู้คนได้รับความเสียหายถึง 1500 ครัวเรือน รัฐบาลออสเตรเลียถึงกับประกาศวิกฤตฉุกเฉินไฟป่าในประเทศ ไฟป่าได้ไหม้อย่างต่อเนื่องข้ามปี ข่าวโด่งดังไปทั่วโลก จนทำให้หลาย ๆ องค์กรนานาชาติต่อส่งความช่วยเหลือ ภาพของคนป้อนน้ำให้หมีน้อยโคอาล่าและจิงโจ้ ที่ต้องหนีออกมาจากป่าเพื่อขอความช่วยเหลือทำให้เราหันกลับมาตระหนักถึงปัญหาสภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เพราะนอกจากเราที่ได้รับผลกระทบ สัตว์ป่าน้อยใหญ่ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากเราค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม Greenpeace : https://www.greenpeace.org/thailand/story/10850/climate-emergency-australian-bush-fires/ มลพิษทางอากาศในเอเชีย PM 2.5 ( cr. pxhere ) หลาย ๆ ประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นมลพิษ PM 2.5 เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ไทยก็อยู่ในนั้นเช่นกัน โดยเฉพาะเชียงใหม่ที่ติด 1 ใน 5 สภาวะอากาศเป็นพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อปอดและการดำรงชีวิตปกติ ปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ปล่อยก๊าซพิษขึ้นสู่บรรยากาศ การเผาไหม้ป่าไม้ รวมไปการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคประชาชนก็มีส่วนเกี่ยวข้องให้แย่ลง ทั้งความเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศที่รุนเรืองขึ้นก็เป็นปัจจัยให้การแก้ไขปัญหายากขึ้นไปอีก หากใครอยากจะช่วยให้เรามีอากาศที่ดีเหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิต คุณสามารถร่วมลงชื่อผลักดันคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้กำหนดมาตรฐาน PM2.5 ในบรรยากาศทั่วไป (Ambient Air Standard) ที่เข้มงวดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2563 โดยองค์กรีนพีซเป็นตัวกลางระหว่างประชาชนและรัฐบาลให้ตระหนักถึงปัญหานี้ค่ะ สามารถลงชื่อได้ที่ : https://act.greenpeace.org/page/49928/petition/1 เพิ่มเติม : https://aqicn.org/city/bangkok/ ธารน้ำแข็งละลายทวีปแอนตาร์กติกา ( cr. pickpik ) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเฉลี่ย 3 เซลเซียลใน 50 ปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำแข็งขั่วโลกเหนือแอนตาร์กติกาละลาย ระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ น้ำแข็งที่ละลายจะทำให้หมีขั้วโลกหาอาหารลำบากยิ่งไปอีก อาจจะเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ในอนาคตหากปรับตัวไม่ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุที่ภูมิอากาศสูงขึ้นนั้นมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ การเผาไหม้เชื้อเพลง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ หากเรายังไม่ปรับเปลี่ยน และยกปัญหานี้ขึ้นมาในเป็นวาระระดับนานาชาติ อาจจะสายเกินไปที่เราจะแก้ไขในอนาคตข้างหน้านี้ค่ะ เพิ่มเติม : https://www.greenpeace.org/thailand/explore/protect/climate/climate-change/ ภูเขาไฟ ( Taal ) ที่ฟิลิปปินส์ และภูเขาไฟเมราปี ( Merapi )ที่อินโดนีเซีย ปะทุ ( cr. wikipedia ) วันที่ 12 มกราคม 2020 ได้มีรายงานภูเขาไฟตาอัล ( Taal ) ที่อยู่ทางใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ได้เกิดการปะทุขึ้น พ่นเถ้าถ่านขึ้นสู่อากาศทำให้บริเวณรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำ รัฐบาลได้อพยพคนออกจากพื้นที่รอบ ๆ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบถึง 6000 คนถูกอพยพออกด่วนจากพื้นที่ ไม่นานนักก็มีภูเขาไฟเมราปีระเบิดขึ้น ในประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2020 รัฐบาลสั่งให้อพยพคนภายในรัศมี 3 กิโลเมตร เกรงว่าจะมีอันตรายแก่ประชาชนเพราะภูเขาไฟเมราปีเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังแอคทีฟและใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ของประเทศอินโดนีเซียนั้นมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย และยังตั้งอยู่บนพื้นที่รอบวงแหวนไฟ ซึ่งเป็นรอยต่อของเปลือกโลก ทำให้บริเวณเหล่านี้เกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ( cr. unsplash ) หลังจากได้พบรายงานไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ครั้งแรกในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019 ในเมืองหวู่ฮั่น ( Wuhan ) ประเทศจีน จนผ่านมาสามเดือนก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ทวีปอเมริกา ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 472,790 คน เสียชีวิตแล้ว 21,353 ( ข้อมูลวันที่ 26 มีนาคม 2020 ) ทำให้ WHO ประกาศให้โรคไวรัสโควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ ( Pandemic ) หลาย ๆ ประเทศควรเพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูง หลายประเทศออกมาตรการปิดประเทศ ห้ามผู้คนเดินทางเข้าเพื่อสกัดกั้นการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น อิตาลีที่ เยอรมัน สเปน ที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวันเกินกว่าพันคน สร้างความวิตกกังวลแก่สหภาพยุโรปและนานาชาติ สำหรับประเทศไทยเรายอดผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 1,045 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน ( ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม 2020 ) อย่างไรก็ดีไทยได้ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ( Social distance ) และปิดสถานที่ที่มีคนหมู่มาก ห้างร้าย บาร์ โรงเรียน ได้ถูกปิดลง คนส่วนใหญ่เริ่มทำงานที่บ้าน อยู่บ้านเพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายเชื้อ และยังช่วงชะลอจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นทุกวัน ๆ เป็นการช่วยลดภาระให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีขีดจำกัดในการรับผู้ป่วย หวังว่าเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ค่ะ I stay Home for my Family. ค่ะ อยู่บ้านเพื่อช่วยชาติกันค่ะ กรมควบคุมโรค : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/intro.php ติดตาม Realtime : https://ddcportal.ddc.moph.go.th/portal/apps/opsdashboard/index.html#/84a8c3f286c84d548ae3f4bfe0aad757