ยายฉันเป็นอะไร

ย้อนไปเมื่อ4ปีก่อน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและประสบพบเจอด้วยตัวเองจริงๆ จึงมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมอาศัยอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งในปริมณฑล ซึ่งบ้านผมอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรและแถวบ้านของผมค่อนข้างที่เป็นบ้านใครบ้านมันไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ประมาณว่าถ้าตอนกลางวันจะเป็นปกติมีผู้คนออกมาจากบ้านไปทำงานต่างๆบางคนไปทำงานในเมืองทำงานโรงงานบางคนก็ไปทำนาพอเย็นก็กลับปิดบ้านต่างคนต่างอยู่ในครอบครัว

พอมาอยู่วันหนึ่งเป็นช่วงหน้าฝนฝนจะตกช่วงเย็นๆ ยายของผมได้ไปรองน้ำเพื่อเอาไว้ใช้งาน สมัยก่อนน้ำฝนมันสะอาดและที่บ้านจะรองน้ำฝนเอาไว้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นหุงข้าวทำอาหารก็จะใช้อุปโภคบริโภคกัน แต่สมัยนี้ไม่สามารถดื่มได้แล้ว นอกเรื่องไปไกลกลับเข้าเรื่องของเราดีกว่า พอเขาเข้าไปรองน้ำกลับเข้าบ้านมาเสร็จก็รู้สึกแปลกไปเพราะยายนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะและโยกตัวไปมา ทุกคนต่างเข้ามาหาและเรียกไม่รู้สึกตัวเขย่าตัวก็ไม่รู้สึกเขาโยกอยู่อย่างนั้นและด่ากราดไปทั่วและไปว่าคนโน้นคนนี้และเสียงของยายที่ได้ยินไม่ไช่เสียงของยายเองเพราะเสียงใหญ่เหมือนเสียงผู้ชาย   จนต้องโทรปรึกษาพระที่นับถือท่านอยู่ที่สระบุรี ทางบ้านก็โทรไปนิมนต์ท่านมาบ้าน ท่านก็มาบ้านเลยประมาณสามทุ่มกว่าๆท่านก็มาถึงบ้าน ณ ตอนนั้นยายของฉันขาบวมและไม่สามารถเดินได้ และทางบ้านก็จัดแจงให้พระทำพิธีกรรมต่างๆ พระอาจารย์ได้ทำการเรียกขวัญและเอามีดเล็กๆมากดตรงหน้าผากและอาจารย์มอบสายสิญจน์ที่ลงอาคมไว้และให้ห้อยคอตลอดเวลาห้ามเอาออกเด็ดขาด อาการเริ่มดีขึ้นอยู่สองสามวันอาการเหล่านั้นก็กลับเข้ามาอีก ครั้งนี้กลับมาเป็นหนักมากเพราะตอนที่พระอาจารย์มายังเดินได้นิดหน่อยแต่ครั้งนี้ไม่สามารถเดินได้เลยจนทางที่บ้านต้องไปซื้อรถเข็นเหมือนโรงพยาบาลมาไว้ และทีนี้เราก็ปรึกษากันที่บ้านว่าจะทำยังไงกันต่อดีในเมื่อยายเป็นแบบนี้ขืนปล่อยไว้อาการยายทรุดแน่ๆ และทีนี้เราไปเปิดเจอหมอคนหนึ่งเป็นผู้หญิงชื่อ อาจารย์ จ (นามสมมุต)เป็นร่างทรางของฤาษีตาไฟ ซึ่งมีประวัติการรักษาหลายคนให้หาย อาจารย์ จ ได้บอกกับเราว่าให้เตรียมของไหว้กลางแจ้ง ลงท้ายด้วยเลข9 โน่นนี่นั้นมาเตรียมไว้ มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งที่บ้าน เพราะพ่อผมเป็นคนจัดแจงซื้อของเพื่อมาไหว้กลางแจ้ง สั่งซื้อปลาตัวใหญ่ๆมากลับพ่อได้ยินว่าให้ซื้อปลาทูมา จนอาจารย์ จ บอกกับคนที่บ้านว่าสงสัยเจ้าที่อยากทานปลาทู และทีนี้เราก็ทำพิธีกันเริ่มไหว้กลางแจ้งอะไรกันไปและเล่าว่าข้างล่างบ้านนั้นมีต้นไม้ใหญ่อยู่ใต้บ้านแต่ไม่เป็นไรเขาอนุญาตให้ปลูกแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะตอนสร้างบ้านพระอาจารย์ที่มาบ้านเขาเคยดูว่าใต้บ้านมีอะไรและเขามาทำการสวดถอนให้ และทีนี้ หลังจากเสร็จพิธีไหว้กลางแจ้งก็มาทำพิธีต่อและทีนี้เขาให้อาบน้ำมนต์ที่เขาเสกขึ้นมาทุกคนโดยถือเทียนไหว้ด้วยเสร็จแล้วทีนี้เขาเอาเทียนมาหยดน้ำตาเทียนและเล่าประวัติดูไปในอดีตได้ว่าที่ยายต้องมาเจ็บหัวเข่าแบบนี้เพราะยายชาติที่แล้วเป็นคนรวยแต่เห็นแก่ตัวเบียดเบียนคนอื่น เป็นขุนนางเวลาไม่พอใจก็ทำร้ายร่างกายเขาให้เดินไม่ได้เจ้ากรรมนายเวรเลยมาเกาะที่ขาของยายเมื่ออดีตกาลชาติที่แล้วยายได้ทำเวรทำกรรมกับคนชาตที่แล้ว เมื่อชาติที่แล้วเกิดเป็นคนมียศสูงแต่ด้วยความใจร้ายเวลาทาสไพร่ทำอะไรผิดก็จะเอาไม้เท้าที่ท่านเดินถือเป็นประจำท่านมาตีที่หัวเขา จนหัวเข่าของทาสสมัยก่อนนั้นแตกแล้วเดินไม่ได้จึงทำให้เจ้ากรรมนายเวรของยายในออดีตชาตินั้นกลับมาจองเวรเนื่องยายจิตตก อาจารย์ จ ทักบอกว่าตอนนี้มีวิญญาณสองดวงเกาะอยู่ที่ขาเป็นเด็กเขาบอกว่าเขาจมน้ำตาย โดยเรือล่มในคูหรือคลองอะไรสักอย่าง แม่ก็เล่าให้อาจารย์ จ ฟังว่าเมื่อสมัยก่ออนนั้นมีน้องสาวยายสองคนจมน้ำตายเนื่องจากเรือล่มจริงๆและพออาจารย์ จ พูดจบ เขาเอาเทียน9ดอก มามัดรวมกันและเอาน้ำตาเทียนหยดไปตรงที่หัวเข่า ทันในนั้นที่อาจารย์ จ หยดเทียนลงไปยายก็พูดออกมาว่า โอ้ยย...อย่าเอาน้ำตาเทียนมารนขาฉัน ฉันร้อน และอาจารย์ทักบอกได้ยินเสียงไหมว่าที่เขาพูดไม่ใช่เสียงเดียวกันและทีนี้อาจารย์ จ เขาก็ทำน้ำมนต์มาอาบให้ทุกคนและทำพิธีของเขา แต่ทุกคนต้องถือเทียน 9เล่มทุกคนพออาบเสร็จอาจารย์ บอกว่าให้เอานำเทียนที่ถือกันไปโยนลงคลองหน้าบ้าน และพิธีกรรมต่อมาก็คือการขอขมากรรมทุกคนที่ทำไว้กับยาย โดยการถือพานและขอขมา และยังมีอีกพิธีคือการนำเทียนมาหยดน้ำตาเทียนที่ท้ายทอยและอาจารย์เขาก็ทำพิธี โดยปกติแล้วนั้นเวลาเราโดนน้ำตาเทียนหยดลงบนผิดหนังมันจะร้อนใช่ไหมแต่นี่ไม่ร้อนอะไรเลยพอเสร็จพิธีอาจารย์เขามาเขียนยันต์หน้าบ้านคล้ายๆกับพระเจิมตอนขึ้นบ้านใหม่ข้างๆพระและจบพิธีในวันนั้น