ชื่อเสียงของ โชเซ่ มูริญโญ่ เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมาตั้งแต่ปี 2003/04 เมื่อทำทีมปอร์โต้ ในบ้านเกิดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ได้แบบไม่มีใครคาดคิด จากนั้นชื่อของ มูริญโญ่ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลกเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือของ เชลซี ในปี 2004 และนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยซ้อน ก่อนจะมีปัญหากับผู้บริหารและข้ามฟากไปรับงานคุมทีมอินเตอร์ มิลาน ในเวทีกัลโช่ อิตาลี ในปี 2008 มูริญโญ่ ตอกย้ำความยอดเยี่ยมด้วยการพา อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์เซเร อาร์ 2 สมัยติดและยังโค่น บาเยิร์น คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ ได้อย่างยิ่งใหญ่ เรียกว่าสามารถกู้ชื่อจากการถูกไล่ออกมาจาก เชลซี ได้สำเร็จ จนทำให้ รีล มาดริด ตัดสินใจดึงไปคุมทีมในปี 2010 แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายนัก แต่ มูริญโญ่ ก็พา รีล มาดริด คว้าแชมป์ แชมป์ โคปา เดล เรย์ 2010/2011 แชมป์ ลา ลีก้า 2011/12 และแชมป์ ซูเปอร์โคปา เด เอสปาญ่า 2012/13 เรียกว่ามีแชมป์ติดไม้ติดมือทุกปี แต่ว่ามันก็ยังห่างจากมาตรฐานของ รีล มาดริด อยู่พอสมควร ทำให้ มูริญโญ่ ต้องหางานใหม่อีกครั้ง และเขาก็กลับยัง เชลซี ที่เคยสร้างผลงานเอาไว้พอสมควร ซึ่ง มูริญโญ่ ก็ยังคงนำเอาแชมป์พรีเมียร์ลีก กลับมาสู่สแตมฟอร์ดบริดจ์ ได้อีกครั้งในปี 2014/15 ซึ่งในปีนั้นยังพ่วงดับเบิลแชมป์ถ้วยลีกคัพ ได้อีกด้วย ทว่าปีต่อก็เกิดปัญหากับนักเตะทำให้ต้องลาสแตมฟอร์ดบริดจ์ เป็นครั้งที่สองในปี 2015 แต่ด้วยผลงานและชื่อเสียงทำให้ว่างงานไม่นากนัก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ดึงมาทุมทีมแทน หลุยส์ ฟาลกัลป์ ในปี 2016 ซึ่งทันทีที่เข้ามา มูริญโญ่ ก็นำทีมคว้า แชมป์ ยูโรป้า ลีกและแชมป์ ลีก คัพ ปี 2016/17 แต่ว่าหลังจากนั้นแทนที่จะต่อยอดความสำเร็จได้อีก กลับได้แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีกและรองแชมป์เอฟ.เอ.คัพ ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายของทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2018/19 ผลงานทำท่าไม่กระเตื้องจนถูกปลดออกในที่สุด อย่างไรก็ตามฤดูกาลถัดมา สเปอร์ ก็ขอลองใช้บริการของ มูริญโญ่ ดูบ้าง โดยคุมทีมสเปอร์ มายังไม่เต็ม 2 ฤดูกาล แต่ผลงานโดยรวมๆก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก และเมื่อเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับผู้บริหารทีม มูริญโญ่ จึงถูกไล่ออกมาจาก สเปอร์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่เอง แม้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพกุนซือ มูริญโญ่ จะคว้าแชมป์มาแล้วมากมาย ทว่าหากดูจากผลงานในช่วงหลังตั้งแต่คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงปี 2018 จนต้องออกจาก สเปอร์ ในปี 2021 มูริญโญ่ ยังไม่สามารถทำทีมคว้าแชมป์ใดๆได้อีกเลย นอกจากนั้นแนวทางการทำทีมของ มูริญโญ่ ยังถูกมองว่าเป็น ฟุตบอลที่ไม่สนุก เน้นแท็กติกและเกมรับมากจนเกินไป ทั้งๆที่ทีมอย่าง สเปอร์ มีทีเด็ดอยู่ตรงกองหน้าซึ่งทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำอย่าง แฮรี่ เคน และ ซง เฮือง มิน และก็เหมือนว่าการที่ สเปอร์ พลาดเก็บแต้มสำคัญๆไปไม่น้อยก็เป็นเพราะแท็กติกของ มูริญโญ่ ขณะที่ มูริญโญ่ ก็มักกล่าวโทษนักเตะออกสื่ออยู่บ่อยๆ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของ เขากับนักเตะ ไม่ดีนัก จนมันอาจส่งผลถึงฟอร์มในสนามด้วย และด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างแข็งกร้าว ทำให้มีคนไม่ชอบ มูริญโญ่ ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งเมื่อผลงานไม่ดีทำให้ถูกค่อนขอดว่า มูริญโญ่ กลายเป็นกุนซือ ที่ตกยุคไปแล้ว แต่ในฤดูกาลหน้า มูริญโญ่ มีโอกาสกลับมากู้ชื่ออีกครั้ง โดยเขาตัดสินใจกลับไปยังเวที กัลโซ่ อิตาลี ที่เขาเคยสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ อินเตอร์ มิลาน มาแล้วทว่าครั้งนี้ เขา เลือกไปอยู่ที่กรุงโรม กับทีมโรม่า ที่ต้องบอกว่าศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่น้อยกว่า อินเตอร์ มิลาน อยู่พอสมควรทีเดียว จึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่า มูริญโญ่ จะใช้เวทีกัลโช่ กู้ชื่อกู้ศักดิ์ศรี กลับมาได้อีกครั้งหรือไม่ ซึ่งว่ากันตรงๆ มูริญโญ่ น่าจะพิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า เวทีกัลโช่ น่าจะเข้าทางกับแนวทางการทำทีมของเขามากที่สุด เพราะเป็นฟุตบอลที่เน้นแท็กติก ไม่ค่อยบีบเกมเร็ว อีกทั้งบรรดาผู้เล่นที่ไม่ประสบความสำเร็จหลายๆรายจาก พรีเมียร์ลีก ก็กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น โรเมลู ลูกากู ,อเล็กซิส ซานเชส และแอชลีย์ ยัง เป็นต้น นอกจากนี้การไปยัง โรม่า มูริญโญ่ ยังได้ทำงานกับลูกทีมที่เคยร่วมงานกันมาแล้วที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง คริส สมอลลิง และ เฮนริค มาร์คิตยาน อีกด้วย ดังนั้นการตัดสินใจลดเพดานลงมาคุมทีมโรม่า จึงเหมือนเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ มูริญโญ่ เช่นกันว่าบนเส้นทางกุนซือทีมฟุตบอลของเขาจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยความกดดันในการคุมทีมอย่างโรม่า ก็ไม่น่าจะสูงนัก เพราะทีมห่างหายจากความสำเร็จมานานอีกทั้งอันดับตารางในปีนี้โอกาสได้ไปเล่นถ้วยยุโรปก็ค่อนข้างยาก ทางลัดอย่างถ้วยยูโรป้า ที่อุตส่าห์ฟันฝ่ามาได้ถึงรอบรองก็คงหยุดเส้นทางลงแค่นั้นเพราะเพียงนัดแรกก็โดน แมนฯ ยูไนเต็ด อัดยับไปถึง 6 ต่อ 2 โอกาสพลิกเข้ารอบชิงสุดริบหรี่ แผนงานในปีหน้าของ โรม่า จึงน่าจะมุ่งเน้นไปที่บอลลีกได้แบบเต็มๆ และคู่ปรับที่สำคัญๆก็มีไม่กี่ทีม หากมีการเตรียมทีมดีๆ ไม่แน่เหมือนกันว่า ปีหน้า โรม่า ภายใต้การคุมทีมของ สเปเชี่ยลวัน มูริญโญ่ อาจได้กลับมาท้าแย่งชิงแชมป์กับอดีตทีมที่เขาเคยสร้างสำเร็จให้มาแล้วอย่าง อินเตอร์ มิลาน ได้แบบเต็มตัวก็ได้ ต้องติดตามกันว่า สเปเชี่ยลวัน จะกลับคืนสู่ยุทธจักรยอดกุนซือได้อีกครั้งหรือจะกลายเป็นเพียงอดีตที่ใกล้เลือนหายไปจากวงการ เครดิตภาพ : sport.trueid ภาพหน้าปก , ภาพที่ 1 ,ภาพที่ 2 ,ภาพที่ 3 ,ภาพที่ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !