ด้วยความที่เป็นนักแปลหนังสือ ผมมักถูกคนถามบ่อยมากว่าว่างๆอ่านหนังสือแนวไหนบ้าง อยากจะบอกว่าด้วยความเป็นนักแปลนี่ล่ะ ยามว่างผมถึงไม่อ่านหนังสือเลย...คือเพราะตอนแปลมันก็ต้องอ่านเล่มที่เราแปลจนทะลุปรุโปร่งไปหมดเลยไง พอแปลเสร็จก็อยากจะทำอะไรที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับหนังสือบ้าง อย่างดูซีรีส์โต้รุ่งอะไรแบบนี้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมอ่านทุกวัน นั่นก็คือหนังสือพิมพ์ สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครอ่านหนังสือพิมพ์กันแล้ว เพราะคิดว่าข่าวสารหาได้จากอินเทอร์เน็ต อ่านจากมือถือเอา แต่ความจริงแล้วคุณภาพของข่าวในหนังสือพิมพ์กับข่าวที่อ่านจากสื่อโซเชียลนั้นมีความแตกต่างกันมาก ด้วยความที่คนเขียนข่าวหนังสือพิมพ์นั้นมีความรับผิดชอบทางกฎหมาย คือมีโอกาสถูกฟ้องได้ตลอดเวลาเมื่อรายงานข้อมูลที่ผิดหรือใส่อคติของตัวเองลงไปอย่างไม่เป็นธรรม และโดยธรรมชาติของธุรกิจหนังสือพิมพ์ที่ทำรายได้จากยอดสมัครสมาชิกรายปี(เพื่อนำไปขายโฆษณาต่อ) ดังนั้นหนังสือพิมพ์สักหัวจึงต้องพยายามรักษาความน่าเชื่อถือไว้ให้มากที่สุด การรายงานข่าวเท็จเพียงแค่ครั้งสองครั้งอาจทำให้ธุรกิจเจ๊งได้เลยทีเดียว ผมเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ตอนฝึกเทรดหุ้น ในการเทรดหุ้นนั้น สิ่งที่คุณต้องการคือข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ทำกำไรได้จริง แต่การที่จะตามหาความจริงอะไรสักข้อเพื่อคาดการณ์ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นหรือจะลงนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนักลงทุนรายย่อยมักถูกปิดบังข้อมูลไม่ให้เข้าถึงข้อเท็จจริงตลอดเวลา ทีนี้คุณจะไปหาความจริงจากไหนมาประกอบการตัดสินใจในการเทรดหุ้นล่ะ อยากให้นึกถึงหลุมดำ...หลุมดำในอวกาศนี้เป็นสเปซที่มีแรงดึงดูดสูงมากจนกระทั่งแสงยังลอดออกมาไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถส่องกล้องหาพบ แล้วนักดาราศาสตร์มองหาหลุมดำกันได้อย่างไร? ก็ด้วยการสังเกตสิ่งที่อยู่รอบๆหลุมดำไงล่ะ ด้วยความที่หลุมดำมีแรงดึงดูดมหาศาล สิ่งใดที่เฉียดเข้าใกล้ก็มักจะเป๋ออกจากวงโคจรปกติของมัน นักดาราศาสตร์ใช้หลักการนี้เพื่อตามหาหลุมดำด้วยการมองดูสิ่งที่อยู่รอบๆมัน เช่นเดียวกับการตามหาความจริงในสังคมที่เต็มไปด้วยข่าวลวง คุณต้องคอยจับตาความเป็นไปของสิ่งต่างๆอย่างละเอียด จึงจะคาดคะเนความเป็นจริงได้อย่างแม่นยำที่สุด ในการที่จะคาดคะเนว่าหุ้นตัวหนึ่งจะขึ้นหรือจะลง คุณอาจต้องอ่านทั้งข่าวเศรษฐกิจ การเงิน สังคม ไปจนถึงบันเทิง เพื่อสังเกตถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบหุ้นตัวนั้น นี่เป็นสิ่งที่เราจะได้จากหนังสือพิมพ์ ให้รู้ไว้เลยว่าหนังสือพิมพ์ที่มีคุณภาพนั้นมักจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ไม่ใส่ความเห็นหรืออคติเข้าไปในเนื้อข่าว(มากนัก) ให้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงเพื่อให้คุณไปวิเคราะห์ต่อเอง ในขณะที่ข่าวตามสื่อโซเชียลนั้นมักจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเพียงนิดเดียว แต่เต็มไปด้วยการชักจูงให้คุณมีความรู้สึกไปในทางใดทางหนึ่ง ไม่รักก็เกลียดใครคนใดคนหนึ่ง...และนี่คือสิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับการเทรดหุ้น ผมอ่านหนังสือพิมพ์มาสิบกว่าปีแล้ว แต่เพิ่งสมัครสมาชิกมาได้ 5 ปี ในช่วง 5 ปีนี้คืออ่านทุกวัน มีการตัดแปะข่าวที่สำคัญๆเก็บเอาไว้เพื่อ Back Test ความแม่นยำของบทวิเคราะห์ต่างๆ หลายอย่างที่ตัดแปะเก็บไว้ก็เป็นความรู้ที่ควรมีประดับหัว บอกเลยว่าการอ่านหนังสือพิมพ์มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นมากจริงๆ . (หมายเหตุ: ภาพประกอบโดย Davis Chan)เวลาอ่านหนังสือพิมพ์นั้น ย่อหน้าแรกจะเป็นการสรุปเนื้อข่าวทั้งหมด ซึ่งมหัศจรรย์มากเพราะมันสรุปเนื้อข่าวทั้งหมดได้ครบถ้วนภายในแค่ไม่กี่ประโยคจริงๆ ถ้ามีเวลาไม่มาก คุณก็สามารถรู้เรื่องราวทั้งหมดในข่าวนั้นได้ด้วยการอ่านเพียงย่อหน้าแรก...ส่วนย่อหน้าต่อๆไปจะเป็นการขยายความว่าใครพูดอะไรบ้าง และจะเอาบทพูดเต็มๆมาให้อ่าน ที่สำคัญคือในประเด็นเดียวกัน มักมีการนำความเห็นของคนที่อยู่ทั้งสองฝ่ายมาพูดเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ผู้อ่านได้ข้อมูลครบทุกด้าน ผมตัดแปะข่าวเก็บเอาไว้เพื่ออ่านย้อนหลัง มีประโยชน์มากเวลาเทรดทอง เพราะทำให้เราสามารถย้อนกลับไปเช็กได้ว่านักวิเคราะห์คนไหนแม่นยำมากน้อยแค่ไหน ตัดแปะข่าวเอาไว้หลายเล่มแล้ว ที่เห็นนี่คือแค่ไม่ถึงครึ่งนะ ยังมีอย่างนี้อีกสองกอง บางวันก็ตื่นแต่เช้า หยิบหนังสือพิมพ์ไปนั่งอ่านที่ฟู้ดแลนด์หรือไม่ก็ร้านกาแฟ...มันไม่มีอะไรจะลุงไปกว่านี้แล้วจริงๆกับการจิบกาแฟยามเช้าไป นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไป ตลกมากตอนย้ายมาอยู่คอนโดใหม่ๆ ไปถามนิติบุคคลว่าถ้าจะให้คนมาส่งหนังสือพิมพ์ต้องทำยังไง ปรากฏว่านิติฯก็ไม่รู้ เพราะทั้งคอนโดไม่มีใครเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์เลย คอนโดที่ผมอยู่นี่มีตั้งหลายพันยูนิตนะ แต่ไม่มีใครอ่านหนังสือพิมพ์เลย เดี๋ยวนี้ไม่อ่านกันแล้วเหรอ ให้ตายสิ