อื่นๆ

มารู้จักลักษณะของ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ในสภาวะทิพย์ กัน...

1.5k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
มารู้จักลักษณะของ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ในสภาวะทิพย์ กัน...

มารู้จักลักษณะของ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ในสภาวะทิพย์ กัน...

เปิดดูโฆษณาเกี่ยวกับน้ำหอม ดูไปเรื่อย ๆ จมูกก็สามารถได้กลิ่นน้ำหอมขวดนั้นที่อยู่ในภาพ เลยมานึกถึงสภาวะอายตนะทั้ง 5 ในระบบทิพย์ที่ศึกษามา และได้โอกาสเผยแพร่ เผื่อมีผู้ที่กำลังเรียนรู้ หรือผู้ที่สนใจ ขอแยกเป็นส่วน ๆ ดังนี้

ตาสาม• ตาทิพย์ (การมอง)
มี 2 ลักษณะ คือ ตาที่เกิดจากการเชื่อมจิตโดยตรง จะเรียกว่า ตาจิต

คุณสมบัติเค้าจะเป็นการมองในระบบกว้าง ถึง 360 องศา ในเวลาเดียวกัน ภาพจะเป็น 3 มิติแบบภาพสี จะเคลื่อนไหวเป็นแบบแอนนิเมชัน

คนที่ฝึกได้แรก ๆ จะเห็นตอนแรกส่วนใหญ่เป็นภาพขาวดำ แวบ ๆ มาเป็นภาพ 2 มิติภาพนิ่ง จากนั้นก็จะทะยอยมาทีละภาพ ถี่ ๆ จนเริ่มเคลื่อนไหวเป็นช่วง ๆ จนในที่สุดก็เห็นภาพติดต่อกันเป็นภาพมิติ 3 ส่วนจะชัดแค่ไหนอยู่ที่กำลังฐานจิต และการฝึกฝน

Advertisement

Advertisement

อีกลักษณะ คือ ตา 3 เป็นตาที่อยู่บริเวณหน้าผากโดยตรง จะมองเห็นมุมแคบกว่า แต่เจาะทะลุได้ไกลกว่า สามารถมองได้เหมือนตาเอกซเรย์ เป็นสีเขียวสะท้อนแสงทั้งภาพเมื่อมองในที่มืด และสามารถทนกับภาพที่มีแสงจ้ามาก ๆ ที่ตาจิตไม่สามารถรับได้

ตาทั้ง 2 ระบบนี้ ในคนที่ตาทิพย์เปิดใหม่ ๆ ตาที่เปิดก่อน คือ ตาจิตนะ แต่คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเป็นตา 3 ตรงหน้าผาก และเรียกรวมกันว่าตา 3

ส่วนตา 3 ที่หน้าผากมันจะค่อย ๆ เปิดเมื่อตาจิตค่อนข้างชำนาญ และเราจะค่อย ๆ เรียนรู้วิธีใช้ จากแยกดูกับตาจิตเป็นช่วง ๆจนใช้ร่วมกันผสมผสานแบบอัตโนมัติไปเลย ทำให้เราสามารถมองด้วยตาทิพย์ได้ในลักษณะ
- สามารถมองเห็นแยกระบบมิติทิพย์ที่ทับซ้อนในระบบมิติสสารได้
- เห็นจากข้างในจิตเราไม่ใช่ตาเนื้อ แม้เราจะหลับตาเนื้อ ก็สามารถมองเห็นได้
- สามารถมองเห็นดวงจิตมิติทิพย์ ในสถานที่มิติสสาร
- สามารถมองเห็นสถานที่มิติทิพย์ ทับซ้อนสถานที่มิติสสาร
- สามารถมองเห็นได้ทั้งสิ่งที่เล็กกว่า การใช้กล้องขยายดู
- สามารถมองที่ใหญ่เป็นระบบจักรวาล
- มองภาพที่มีแสงสว่างจ้าหรือมืดเกินตากายเนื้อเห็นได้
- เป็นตาเอกซเรย์มองอวัยวะคือส่วนประกอบภายในของมิติสสารได้

Advertisement

Advertisement

ตาสามวิธีเปิดตา 3 ทำไง?
• ที่จริงมันเป็นปัจจัตตัง บางคนก็มีฐานเดิมมาจากอดีตชาติ บางคนก็เกิดจากผู้มีบุญบารมีสูง ๆ เปิดให้ แต่สิ่งที่เริ่มต้นเหมือนกัน คือ การหมั่นนั่งสมาธิ สวดมนต์ อย่างสม่ำเสมอ วางจิตนิ่ง ๆ อย่าคิดอะไรล่วงหน้า อย่ากระวนกระวายที่จะเปิดตาให้ได้ เมื่อสนใจมองสิ่งใด จิตจดจ่อ มองแบบอย่าคิดหรือจินตนาการใด ๆ ปล่อยให้จิตเค้าค้นแคะเอง เราดูเฉย ๆ ทำเช่นนี้บ่อย ๆ ข้อสำคัญจิตต้องนิ่งต่อเนื่อง เมื่อมีภาพแวบเข้ามา อย่าสงสัย อย่าตกใจ อย่าเพ่ง วางจิตเบา เบลอ ๆ แผ้ว ๆ แล้วมันจะได้เอง ที่สำคัญ ต้องหมั่นสร้างบุญบารมีช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อเป็นตัวหนุนด้วย

• หูทิพย์ (ฟัง)
- เป็นสภาวะได้ยินเสียงจากข้างในจิตเรา มิใช่ที่หูของร่างกาย
- ได้ยินได้ทั้งได้ทั้งเสียงของดวงจิต คน สัตว์ พืช ทั้งมิติทิพย์และมิติสสารที่อยู่ไกลมาก ๆ

Advertisement

Advertisement

วิธีฝึก
ใช้วิธีฟัง เรากำหนดพูดคุยกับผู้คนในทิพย์ในใจไปเรื่อยๆ พูดไปเถอะ แบบตั้งใจว่าสื่อกัน และถ้าเริ่มได้ยินเสียงตอบอย่าตกใจ อย่าสงสัย อย่าคิดว่าเรามโน พูดคุยต่อไป (ในใจนะเดี๋ยวคนว่าเราเพี้ยน) สักระยะจะเป็นเรื่องราวขึ้น ถึงจะถามก็นึกในใจถามขึ้นมาเลย แล้วสังเกตคำตอบ มันจะเริ่มได้ยินการโต้ตอบกับเรา แบบไม่ได้ตั้งโปรแกรมการพูดไว้ก่อน  คุยไป จะเริ่มได้ยินต่อเนื่อง อย่าคิดไปก่อนนะ ถามขึ้นแล้วนิ่งไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันได้เอง วางจิตกลาง ๆ อย่าสงสัย เดี๋ยวเราจะเริ่มเข้าใจมันเอง

• จมูก (กลิ่น)
คำว่าจมูกคือการได้กลิ่น ไม่ใช่ใช้จมูกกายเนื้อได้กลิ่น แต่มันเป็นความรู้สึกว่ามีกลิ่น แบบนั้นแบบนี้ ซึ่งความสามารถนี้สามารถได้กลิ่นทั้งในระบบมิติทิพย์ และมิติกายเนื้อที่อยู่ไกลมาก ๆ

• ลิ้น (รส)
ไม่ใช่ใช้ลิ้มรสด้วยลิ้นกายเนื้อ แต่เป็นความรู้สึกจากจิต ว่ามีรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด เวลารับรสจิตต้องนิ่งอย่าคิดนำ focus ที่ของที่เราจะชิม มันจะรับรสเอง แต่มันไม่ใช่จากลิ้นน่ะ มันเป็นความรู้สึก เสมือนรสนั้นนี้เกิดขึ้นที่จิต

• กาย (สัมผัส)
ความสามารถตรงนี้ มันจะเป็นตัวบอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือมโน เช่น ความรู้สึก เจ็บ อึดอัด ร้อน หนาว มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน เจ็บก็เจ็บในผิวลึก ๆ ไม่ใช่ผิวภายนอก เราสร้างมันเองไม่ได้  ยิ่งจิตมีการฝึกละเอียดเท่าใด การสัมผัสยิ่งชัดมาก มันเป็นเสมือนพลังงานที่เข้ามากระทบ รู้สึกสัมผัสได้แบบลึก ๆ

ตาสามที่จริงสภาวะทั้งหมดนี้ มันเป็นความสามารถของจิตที่มีอยู่ในธรรมชาติของทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่มันถูกปิดไว้ เมื่อจิตเข้าถึงธรรมชาติตรงนี้ หรือได้รับการกระตุ้นเปิดขึ้น ก็จะสามารถทำได้ทุกคน และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ขึ้นอยู่ที่เราจะเชื่อหรือหมั่นฝึกฝนต่อยอดหรือไม่ เคล็ดที่สำคัญ คือ หมั่นฝึกฝนและนำไปใช้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นการต่อยอดให้พัฒนายิ่งขึ้น ข้อสำคัญ คือ "กล้า  อย่ากลัว"

ปล.ศึกษาให้ดี ความสามารถทั้งหมดนี้ ถูกสร้างและควบคุมด้วยจิต และกำลังของจิตทั้งหมด

ดังนั้น...สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนจิตให้มีประสิทธิภาพ มีพลังพัฒนาต่อยอดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ โดย สมาธิ สวดมนต์ ฝึกใช้ ขยับจิต ค้นคว้าหาความรู้ ต่อยอด ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวความสามารถอื่น ๆ มันจะตามมาเอง เพราะจิตต้องใช้ความสามารถเหล่านั้น เป็นเครื่องมือในการขยับเป็นออโต้อยู่แล้ว

ขอบคุณภาพจาก ภาพที่1, ภาพที่2, ภาพที่3, ภาพที่4

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์